“เอซีอี “ หุ้นไฟฟ้ามาแรง   รวม “บิ๊กเนม” ลุยโปรเจ็คใหญ่  

 “เอซีอี “ หุ้นไฟฟ้ามาแรง    รวม “บิ๊กเนม” ลุยโปรเจ็คใหญ่  

นักลงทุนสายเก็งกำไรต้องหันมาศึกษากันแล้วว่าหุ้น บริษัท แอ็บโซลูท คลีน  เอ็นเนอร์จี้  จำกัด (มหาชน) หรือ  ACE  ถึงมีแรงเก็งกำไรจนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น  และติดอันดับ หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด 2 วันที่ผ่านมา (26 และ 29 มี.ค. 2564 )

ราคาหุ้นปิดปี 2563 อยุ่ที่ 3.64 บาท  เปลี่ยนแปลงลดลง 13.74 %  แต่ใน ในช่วง 3 เดือนแรกปี 2564 ราคาหุ้นสูงสุดที่ 4.26 บาท   (29 มี.ค.) ก่อนที่มาปิดที่ราคา 4.08  บาท ทำให้จบไตรมาส 1 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 17  %

บริษัทดำเนินธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำและธุรกิจอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องโดยมีบริษัท แอ๊ดวานซ์ คลีน เพาเวอร์ จำกัด (ACP) ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นบริษัทแกน

โดยจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นปี 2562 มีผู้ถือหุ้นหลักคือ กลุ่ม “ทรงเมตตา มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ วิระชัย ทรงเมตตา  อดีต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการจับกลุ่มและเปิดโปรงขบวนการหลอกลวงประชาชน ยูฟันด์ “   

จนปี 2563 มีส่วนผัวพันการปล่อยคลิปเสียงสนทนาผ่านโทรศัพท์กับผู้บัญชาการ หลังเหตุการณ์มือปือถล่มยิงรถยนต์ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์  หักพาล   ซึ่งเป็นที่รู้กันกีว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในฐานรุ่นพี่รุ่นน้องที่ใกล้ชิดกัน  จนกระทั่งเริ่มมีการสอบสวนจึงมีคำสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวและย้ายไปประจำการที่สำนักนายกรัฐมนตรี  จนปัจจุบันยังไม่ได้กลับมารับราชการเดิม

ด้านหมวกในการบริหารธุรกิจได้มอบหมายให้ “พระนาย  สุวรรณรัฐ   อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย   และ “ธนะชัย บัณฑิตวรภูมิประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นมือบริหารงานแทน   ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทประกาศเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าในมือไปสู่ 1,000 เมกะวัตต์  ในปี 2567

สิ้นปี 2563 บริษัทมีจำนวนไฟฟ้าในมือ  449  เมกะวัตต์  ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (COD)  264  เมกะวัตต์  อยู่ระหว่างก่อสร้าง 203.7 เมกะวัตต์ (ชีวมวล 201 เมกะวัตต์  และ โซลาร์  1.7 เมกะวัตต์ )

โครงการใหม่ที่มีการ COD ปีนี้ จะกำลังการผลิตรวม 33 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 26.9 เมกะวัตต์ ที่ได้ดำเนินการซื้อมาจาก บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) เมื่อปีที่แล้ว และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน (MSW) ที่ได้ดำเนินการ COD เมื่อปลายปี 2563  จะรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564

ขณะเดียวกันบริษัท ยังสนใจเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ที่จะเปิดให้ยื่นซองประมูลในเดือนเม.ย.นี้ (23-25 เม.ย.64) คาดว่าจะทราบผลได้ในช่วงไตรมาส 2/ 2564 และไตรมาส 3/2564 รวมถึงโรงไฟฟ้าขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้ง 400 เมกะวัตต์ ซึ่งมีหลายพื้นที่ที่มีการออกประกาศ (TOR) แล้ว แต่ยังต้องรอทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรับ และความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คาดว่าไตรมาส 2/64 จะได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กลับคืนมา

มุมมองบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก มีมุมมองบวกต่อผลประกอบการในปี 2564 เนื่องจากจะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าทั้ง 4 โรง ใหม่เต็มปี อีกทั้งมีโรงไฟฟ้าอีก 3 แห่งที่คาดว่าจะ COD ได้ในปี 2564 อีก 12 เมกะวัตต์  ขณะที่ปี 2565 จะมี การเติบโตอย่างมีนัยส่าคัญจากโรงไฟฟ้าอีก 14 โครงการก่าลังการผลิตรวม 191 เมกะวัตต์  จึงแนะน่า ซื้อลงทุน 4.80  บาท 

 บล.ทรีนีตี้   ยังประเมินโครงการที่เหลือ SPP Hybrid ของบริษัทยังเหลือของกลุ่มบริษัทฯ ที่เหลืออีก 1 โครงการคือ SPP Hybrid ระยอง ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 23 เมกะวัตต์นั้น ปัจจุบันบริษัทย่อยซึ่งเป็นเจ้าของโครงการได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขยายกำหนดวัน SCOD

โดยยังเป็นไปตามที่ผู้บริหารเคยแจ้งไว้ โดยโครงการ SPP Hybrid ดังกล่าวคาดว่าจะ COD ได้ในช่วงปี 2565  ทั้งนี้ได้นับรวมประมาณการของโครงการดังกล่าวไว้ใน Target Price ที่ 5.20 บาทแล้ว ซึ่ง อิงวิธี DCF จากโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว 19 โครงการและที่อยู่ระหว่างเจรจาอีก 13 โครงการ รวมกำลังการผลิต 450 เมกะวัตต์ และประเมินความน่าจะเป็นของมูลค่าของโครงการที่มีความเป็นไปได้ในอนาคต ปัจจุบันราคาหุ้นคิดเป็น PER ปี 2021 ที่ 17 เท่าและ PER ปี 2565  ที่ 12 เท่า ยังนับว่าราคายังถูกเทียบกับโอกาสในการเติบโตข้างหน้า