DOHOME - ถือ

DOHOME - ถือ

ประมาณการ 1Q64: กำไรจะโตทั้ง YoY และ QoQ

Event

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ DOHOME ใน 1Q64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 308 ล้านบาท (+74% YoY และ +43% QoQ) คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา โดยเราคาดว่ากำไรในไตรมาสแรกจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากยอดขายแข็งแกร่ง ในขณะที่ margin เพิ่มขึ้น

lmpact

SSSG แข็งแรงมากในไตรมาสแรก

เราคาดว่า SSSG ของ DOHOME จะโตได้ในระดับสองหลักทุกเดือนในไตรมาสแรก ซึ่งจะทำให้ SSSG ใน 1Q64 อยู่ที่ 18% YoY เนื่องจาก อุปสงค์แข็งแกร่งเพราะรายได้ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น และผลจากฐานที่ต่ำเพราะใน 1Q63 มีการปิดสาขาร้าน โดย DOHOME ปิดบริการร้าน Size XL ไป 8 ร้านจากทั้งหมด 10 ร้าน และปิดบริการร้าน Dohome To Go ทั้ง 6 ร้านตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 เราคาดว่า DOHOME จะเริ่มเปิดสาขาใหม่ Size L 1 ร้านที่แหลมฉบัง และสาขา Dohome To Go อีกหนึ่งร้านในไตรมาสแรก ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขาร้านรวมเพิ่มเป็น 25 ร้าน (Size L และ XL 13 ร้าน และ Dohome To Go 12 ร้าน)

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้า house brand และรูปแบบร้าน

เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ DOHOME ใน 1Q64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 19.9% (+4.5ppts YoY และ +2.4ppts QoQ) เนื่องจาก i) กลยุทธ์เพิ่มการจำหน่ายสินค้า house brand เป็น 17%ใน 1Q64 ii) มีการปรับราคาสินค้า house brand iii) ราคาเหล็กขยับสูงขึ้น (รายได้จากเหล็กคิดเป็นประมาณ 25% ของรายได้รวม) และ iv) ร้านค้าที่เปิดใหม่เป็นรูปแบบร้าน Size L ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของร้าน XL จะอยู่ที่ประมาณ 17% ในขณะที่ร้าน Size L จะอยู่ที่ 20% เนื่องจากมีโครงสร้างสินค้าที่แตกต่างกันไป โดยสินค้าของร้าน size XL จะเน้นวัสดุก่อสร้าง (45% ของรายได้รวม) ซึ่งมักจะมี margin น้อยกว่าร้าน size L ซึ่งจะเน้นสินค้าที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมอาคาร (45% ของรายได้รวม)

Valuation & Action

เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2565 เอาไว้ที่ 19.20 บาท อิงจาก PER ที่ 36.0x (ค่าเฉลี่ยของ Global House (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)* และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* +1.0 S.D.) เราคาดว่ากำไรของ DOHOME จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 39% ในปี 2564 และ 14% ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาปิดล่าสุดไม่เหลือ upside แล้ว เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เปิดสาขาใหม่ได้น้อยกว่าแผนที่วางไว้, ราคาพืชผลอ่อนแอ, ภัยธรรมชาติ, สินค้าค้างสต็อกเพิ่มขึ้น, ความนิยมของลูกค้า และกระแสตลาดเปลี่ยนแปลงไป