กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ (29 มี.ค.64)

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ (29 มี.ค.64)

29 มีนาคม – 2 เมษายน: ปรับขึ้นต่อ

ดัชนี SET น่าจะปิดในโซนสูงในไตรมาส 1... ใกล้เคียงเป้าหมายดัชนีฯ ของเราที่ 1,590 จุด

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (22-26 มีนาคม) ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้ดีเกินคาด โดยขยับอยู่แถวขอบบนของช่วงการซื้อขายในช่วงที่ผ่านมา และไม่ได้ตอบรับปัจจัยลบจากภายนอก อย่างเช่นการที่หุ้นเทคโนโลยีโลกเกิด correction และการ lockdown เศรษฐกิจรอบใหม่ของยุโรป ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดัชนี SET
แข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้วคือปัญหาเรื่องการขนส่งโลกที่เกิดจากปัญหาที่คลองสุเอซถูกปิดซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องขยับสูงขึ้น สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คณะอุนกรรมการศบค. เห็นชอบให้กลับมาเปิดประเทศแบบมีเงื่อนไข โดยให้ยกเว้นข้อกำหนดเรื่องการกักตัวสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนที่เดินทางเข้ามาที่ภูเก็ต โดยมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นกับสถานการณ์การท่องเที่ยวช่วยหนุนภาวะการซื้อขายของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นในธีม reopening

สำหรับในสัปดาห์นี้ (29 มีนาคม – 2 เมษายน) เรามองบวกมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทย และคาดว่าดัชนี SET จะปิดไตรมาสหนึ่งที่ระดับสูง โดยน่าจะอยู่ระหดับใกล้เคียงกับเป้าดัชนีไตรมาสแรกของเราที่ 1,590 จุด ซึ่งสองปัจจัยที่จะช่วยหนุนให้ตลาดขยับขึ้นได้ในสัปดาห์นี้ได้แก่ i) มุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการที่สหรัฐเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับร่างกฎหมายโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่ยุโรปก็น่าจะมีความคืบหน้าเรื่องอุปทานของวัคซีนหลังจากที่มีการประกาศว่าจะร่วมมือกับอังกฤษมากขึ้น ii) หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวของไทยน่าจะขึ้นต่อได้จากแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นจากการที่ประเทศไทยจะกลับมาเปิดเมือภูเก็ตในเร็ว ๆ นี้

ติดตามประเด็นเศรษฐกิจสำคัญในฝั่งสหรัฐฯ รวมทั้งชุดข้อมูลเศรษฐกิจไทย และข่าวสารเกี่ยวกับแผนเปิดประเทศของไทย

(+) รายละเอียดเบื้องต้นของร่างกฎหมายโครงการโครงสร้างพื้นฐานของ Biden และการปฎิรูประบบภาษีของสหรัฐ ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ Pittsburg เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ประธานาธิบดี Biden จะเปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ออกมาเป็นครั้งแรก รวมถึงแนวคิดของเขาเกี่ยวกับการปฏิรูประบบภาษีของสหรัฐ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะแบ่งออกเป็นสองสามเฟส ซึ่งจะนำมาใช้จริงในอีกสองสามปีข้างหน้า เรามองว่าตลาดน่าจะตอบรับรายละเอียดของร่างกฎหมายฉบับนี้ดังนี้ i) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะขยับสูงขึ้นอีก ii) ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งขึ้น นอกจากนี้ เราคิดว่ายังต้องจับตาดูกรอบเวลาในการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐด้วย

(+) ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคสหรัฐน่าจะออกมาแข็งแกร่ง ในสัปดาห์นี้ จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมีนาคมที่สำคัญของสหรัฐ อย่างเช่น i) ผลผลิตอุตสาหกรรม ISM ในวันที่ 1 เมษายน และ ii) รายงานการจ้างงานรายเดือน ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งจะฉายภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เริ่มมีการจ่ายเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจหัวละ 1,400 ดอลลาร์ฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะเดียวกัน consensus ก็คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นประมาณ 600,000 ตำแหน่ง

(0) ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์จากธนาคารแห่งประเทศไทย ในวันที่ 31 มีนาคม ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน ซึ่งเราคาดว่าตัวเลขหลักอย่างเช่น ดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (PCI) และดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (PII) จะฟื้นตัวขึ้น MoM เนื่องจากมาตรการเว้นระยะทางสังคมในประเทศไทยเดือนกุมภาพันธ์ไม่เข้มงวดเท่ากับเดือนมกราคมเรายังคงเลือกหุ้น Cyclical และ re-opening เป็นธีมหลัก และยังชอบหุ้น laggard อยู่
จากการที่เรายังคงอยู่ในโหมด risk-on จากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เราจึงยังคงแนะนำ หุ้น i) ในธีม cyclical อย่างเช่น IVL* และ PTTGC* ii) ในธีม re-opening อย่างเช่น AOT*, BDMS* และ CPN* นอกจากนี้ เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดโดยรวมค่อนข้างสูงแล้ว เราจึงมองว่านักลงทุนอาจจะมีมุมมองกลาง ๆ ต่อการเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มที่ราคายัง laggard อยู่อย่างเช่นกลุ่มการพาณิชย์และรับเหมาก่อสร้าง โดยในหุ้นกลุ่มดังกล่าว เราชอบ CPALL* และ STEC*