CKP - ถือ

CKP - ถือ

รอสัญญาซื้อไฟฟ้าใหม่

ปริมาณน้ำทั้ง XPCL และ NN2 ต่ำกว่าระดับคุ้มทุนในก.พ. หากการผลิตไฟฟ้าของ XPCL และ NN2 ยังคงทรงตัว mom ใน มี.ค. เราคาดว่า CKP จะบันทึกขาดทุน 170 ลบ. สำหรับการดำเนินงานใน 1Q21F เทียบกับขาดทุนสุทธิ 340 ลบ. ใน 1Q20 เริ่มมีความคืบหน้าในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง แต่กำหนดการในการเซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้ายังไม่แน่นอน คงคำแนะนำ ถือ และราคาเป้าหมาย 5.00 บาทหุ้น

 

ปริมาณผลิตไฟฟ้าของ XPCL และ NN2 ลดลงต่ำกว่าจุดคุ้มทุนใน ก.พ.

ปริมาณผลิตไฟฟ้าที่ ไซยะบุรีลดลง 12% mom สู่ 352 GWh (+18% yoy) ใน  ก.พ. หลังจากปริมาณน้ำลดลง 1,626 CM/s เทียบกับ 1,750 CM/s ในม.ค. ปริมาณผลิตไฟฟ้าต่ำกว่าระดับคุ้นทุน 458 GWh เทียบเท่าปริมาณน้ำ 2,000 CM/s ขณะที่การผลิตไฟฟ้าที่ NN2 ลดลง 4% mom สู่ 133 GWh (+90% yoy) ใกล้เคียงระดับคุ้มทุนที่ 140 GWh และหากปริมาณผลิตไฟฟ้าที่ XPCL และ NN2 ยังคงทรงตัว mom ใน มี.ค. ปริมาณผลิตไฟฟ้าใน 1Q21F จะฟื้นตัว 13%yoy และ 108%yoy สู่ 1,125 และ 415 GWh และจะมีการขาดทุนจากกิจการร่วมค้า 215 ลบ.และ 10 ลบ. ตามลำดับ นอกจากนี้หากปริมาณผลิตไฟฟ้าใน BIC และ BKC ใน มี.ค.จะใกล้ระดับเฉลี่ยใน 2M21 คาด CKP จะบันทึกการขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน 170 ลบ. สำหรับ 1Q21F เทียบกับขาดทุน 340 ลบ. ใน 1Q20

 

รอสัญญาซื้อไฟฟ้าใหม่จากโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง

CKP ได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางในประเทศลาวกำลังการผลิตที่ 1,460 MW ทั้งนี้งานเตรียมความพร้อมการก่อนก่อสร้าง เช่น ถนนและสะพานเพื่อเข้าโครงการพัฒนามีความคืบหน้ากว่า 80% และจะแล้วเสร็จใน ก.ค. จากสมมติฐานของเรา เราคาดว่าโครงการหลวงพระบางจะเพิ่มมูลค่าให้ CKP 2.2บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามกำหนดการในการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ายังคงไม่แน่นอน จากกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน กว่า 20% ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ EGAT อาจยังไม่เร่งเซ็นสัญญาโครงการนี้

 

คงคำแนะนำ ถือ และราคาเป้าหมาย 5.00บาทต่อหุ้น

ปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ XPCL และ NN2 ได้ฟื้นตัว yoy แต่ผลการดำเนินงานยังคงขาดทุนใน  ม.ค. - ก.พ. ดังนั้นเราคงคำแนะนำ ถือ