ป.ป.ช.ยันคดี'ปารีณา' ดำเนินการรัดกุมรอบคอบ

ป.ป.ช.ยันคดี'ปารีณา' ดำเนินการรัดกุมรอบคอบ

“โฆษกป.ป.ช.” ยันพิจารณาคดี “เอ๋ ปารีณา” รุกป่า รัดกุมรอบคอบ ชี้เพิกถอนสิทธิการเมือง10 ปี อยู่ที่ดุลยพินิจศาล

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังศาลฎีการับวินิจฉัยกรณีรุกที่ป่าของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ อยู่กระบวนการศาลในการสืบพยาน ส่วน ป.ป.ช. มีหน้าที่เสนอหรือไปเป็นพยานหักล้างต่างๆ

สำหรับกรอบเวลาพิจารณาเป็นเรื่องทางศาล แต่ทางกฎหมายไม่มี ซึ่งมีข้อบังคับ ระเบียบ ในการควบคุมคดี และสำนวน ป.ป.ช. ถือว่ารัดกุม มีรายละเอียดเพียงพอจนเข้าองค์ประกอบที่ศาลรับฟ้องและการดำเนินการของป.ป.ช. ดูประมวลจริยธรรม ส.ส. ประกอบการพิจารณา

ส่วนฝ่ายกฎหมายของ น.ส.ปารีณา มองว่าเรื่องนี้ควรจะเป็นการดำเนินการของสภา มากกว่านั้น แต่ใหม่สามารถยื่นได้โดยตรง หรือ ป.ป.ช. ยกเรื่องเองมาก็ได้ ดังนั้น เมื่อมีเรื่องร้องมาแล้ว ป.ป.ช. ตรวจสอบว่ามีมูลพอรับไว้หรือไม่ หากพอก็รับไว้พิจารณาเหมือนคดีอาญาทั่วไป และผู้ถูกร้องก็สามารถแจง ป.ป.ช. ได้

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า ป.ป.ช. ได้ใช้กรอบประมวลจริยธรรมในฐานความผิด อาทิ การดำรงตน รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หรือไม่ และการดำรงตนปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แต่หากส.ส. มีการเรียกรับเงิน ถือเป็นความผิดร้ายร้าย แต่เรื่องจริยธรรม อาจไม่ร้ายแรงเท่ากับการเรียกรับเงิน

อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลรับแล้ว ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องสภาฯประชุมพิจารณา และหากศาลมีคำตัดสินถึงที่สุด ตามระเบียบไม่มั่นใจว่าสามารถยื่นอุทธรณ์ได้หรือไม่ แต่หากมีคำวินิจฉัยว่าผิด ก็พ้นสภาพส.ส.จากวันที่ศาลรับเรื่องประทับรับฟ้อง ส่วนการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองไม่เกิน 10 ปี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล

โฆษก ป.ป.ช. ย้ำว่า หากมีผู้ร้องว่าพบการกระทำ ส.ส. ไม่ป้องสถาบันฯ ก็สามารถร้องเข้ามาได้ เพราะอยู่ในข้อหนึ่งของจริยธรรม แตว่าร้ายหรือไม่นั้น ป.ป.ช.ไม่สามรรถชี้ได้ว่าผิดหรือไม่ผิด เพราะทั้งหมดเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา

ขณะเดียวกัน ประเด็นน.ส.ปารีณา ถือเป็นเคสแรกหลังมีกฎหมายใหม่ หากศาลตัดสินประการใด ก็จะเป็นหลักมาตรฐานในเรื่องอื่นได้ด้วย ส่วนกรณี 19 ส.ส. ถือครองที่ดิน อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงของป.ป.ช. เนื่องจากไม่มีหลักฐานเป็นเพียงแค่ข้อมูล อาจจะต้องใช้เวลา ซึ่งต่างจากกรณี น.ส.ปารีณา ที่มีการร้องเข้ามาจากหน่วยงานต่างๆ

นอกจากนี้ ที่มีการมองว่าคดีน.ส.ปารีณา เร็วหรือช้าไปบ้างนั้น ต้องอยู่พยานหลักฐาน โดยพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานมาแล้ว ส่วนป.ป.ช.ขอเอกสาราชการมาเป็นพยานหลักฐาน คนอื่นอาจต้องนับหนึ่ง ว่าเป็นป่า อุทยาน สปก. ซึ่งอยู่ที่หน่วยงานต่างๆ ส่งข้อมูลมาได้มากน้อยเพียงใด

นายนิวัติไชย กล่าวยอมรับว่า ส่วนที่จะมีการฟ้องกลับป.ป.ช. คงห้ามไม่ได้ เพราะแม้แต่ประธาน ป.ป.ช. ก็ถูกฟ้องในคดีอาญาหลายคดีรวมถึงตน แต่ทั้งหมดอยู่ที่การทำงานของ ป.ป.ช. ที่จะตรวจสอบและสร้างความเชื่อมั่น ดังนั้น การกระทำป.ป.ช. จึงเป็รเกราะคุ้มครองตัวเอง