"พรเพชร" ชี้ "วุฒิสภา" เป็นเหตุให้ "ปฏิวัติ 49 - 57" เพราะแตกแยก-ขัดแย้ง

"พรเพชร" ชี้ "วุฒิสภา" เป็นเหตุให้ "ปฏิวัติ 49 - 57" เพราะแตกแยก-ขัดแย้ง

ประธานวุฒิสภา ประเมินภาพ วุฒิสภาขัดแย้งหนัก เป็นเหตุให้รัฐประหาร ปี 49 - 57 พร้อมแจกแจงระบบปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ดีต้องมีนิติรัฐ นิติธรรม ไม่ละเมิดสิทธิ เสรีภาพประชาชน

       นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดการประชุมโครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่น หลักสูตร กระบวนการเสริมสร้างผู้นำประชาธิปไตยแบบมีส่วนรวม จ.อุบลราชธานี ว่า การอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยต้องมีกติกา คือ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีหลัก คือ การปกครองของประชาชน เพื่อประชาชนเป็นหลัก แม้ไม่เหมือนกันทุกประเทศ สำหรับการปกครองประชาธิปไตยของประเทศไทย คือ อันมีพระมหากษัตริ์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ที่มีความพิเศษ อย่างไรก็ดีการดูแลระบอบประชาธิปไตยจะสมบูรณ์ และเป็นหลักการของประชาธิปไตย คือ กฎหมาย โดยกฎหมายที่ดีนั้นต้องเป็นนิติรัฐ นิติธรรม
       “นิติรัฐ คือ บ้านเมืองต้องปกครองด้วยยกฎหมาย ไม่ใช่ตามอำนาจของผู้ปกครอง หรือตามอำเภอใจ ส่วนนิติธรรม คือ การใช้กฎหมายที่เป็นธรรม ตามกฎเกณฑ์ และหลักของกฎหมาย ไม่ใช่ใครเขียนกฎหมายอย่างไรก็ได้  การใช้กฎหมายต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้มีคนถกเถียงว่าหลักของความเป็นธรรมจะกว้างขวางขนาดไหน ซึ่งผมมองว่าหลักสำคัญอยู่ที่สิทธิ เสรีภาพ ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้ง ในร่างกาย, การพูด, การอยู่ในเคหะสถาน ที่เป็นพื้นฐานเพื่อชี้ให้เห็นถึงความเป็นธรรมของการปกครองประเทศและประชาชน” นายพรเพชร กล่าว 
       นายพรเพชร  กล่าวด้วยว่าอำนาจนิติบัญญัติ เป็นอำนาจเพื่อบัญญัติกฎหมายที่มาจากตัวแทนของประชาชน ทั้งนี้ต้องมีความสัมพันกับอำนาจบริหาร   จนรัฐธรรมนูญฉบับหลังกำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง คือ เป็น ส.ส. ซึ่งข้อดีของระบบดังกล่าว คือ ระบบรัฐสภาเข้าใจและสนองตอบความต้องการของประชาชน  
       “ยอมรับความจริงว่าประเทศของเรามีการปฏิวัติหลายครั้ง มีสาเหตุแตกต่างกัน เมื่อมีระบบที่ไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน ผลคือ อำนาจนิติบัญญัติและบริหารนั้น อยู่รวมกัน คือมีที่มาจากแหล่งเดียว จากคนที่มีอำนาจ เป็นรัฎฐาธิปัตย์ ระบบที่มาจากการยึดอำนาจหรือรัฐประหารส่วนใหญ่อยู่ไม่ยาว เพราะต้องการเข้ามาเพื่อแก้ไขระบบปกครอง แก้รัฐธรรมนูญ นำไปสู่ประชาธิปไตย” นายพรเพชร กล่าว
       นายพรเพชร กล่าวว่า วุฒิสภา มีที่มาหลายแบบ เช่น ปี 2540 ที่ให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งจังหวัด ทำให้มีปัญหากับสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมองว่ามีศักดิ์ศรีเท่ากับส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง จนนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อปี 2549 จากนั้นระบบได้ปรับที่มาของ ส.ว. ให้มาจากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่งและมาจากการสรรหาครึ่งหนึ่ง ผลคืออยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะทะเลาะกัน และมีกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรอยากได้ส.ว.มาเป็นพวก เพื่อคุมการออกกฎหมายให้ได้ตามที่ต้องการ จนเกิดความแตกแยก และนำไปสู่การรัฐประหาร เมื่อปี 2557 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายพรเพชร กล่าวถึงประเด็นความขัดแย้งของส.ว. จนนำไปสู่การรัฐประหาร และยังไม่ได้กล่าวสรุป การไลฟ์สดผ่านแฟนเพจของวุฒิสภาได้ตัดการถ่ายทอดสดดังกล่าวไปทันที โดยไม่แจ้งเหตุผล และไม่กลับมาถ่ายทอดอีก ทั้งที่นายพรเพชร ยังกล่าวเปิดการสัมมนาอบรมไม่แล้วเสร็จ.