Healthcare Sector (24 มี.ค.64)

เราให้น้ำหนักลุ่มโรงพยาบาล “มากกว่าตลาด” จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม และการเติบโตของกำไรต่อเนื่องในอนาคต ปัจจัยกระตุ้นได้แก่ การปลดล็อคอุปสงค์คงค้าง รายได้ต่อเนื่องจากการตรวจหา COVID-19 และการฉีดวัคซีน เราคาดว่าหุ้นใน coverage ของเราจะมีกำไรเติบโต 22% ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า กำไรของกลุ่มรพ.ที่เน้นคนไข้ชาวต่างชาติจะฟื้นสู่ระดับก่อน COVID ภายในปี 2024 ภาระหนี้สินที่น้อยจะสะท้อนความเสี่ยงที่ต่ำและหนุนการขยายธุรกิจในอนาคต หุ้นเด่นของกลุ่มได้แก่ BH และ BCH

 

 

อุตสาหกรรมจะฟื้นตัวใน 2H21

ประเทศไทยลดระยะเวลากักตัวลงสู่ 7-10 วันซึ่งเป็นสัญญาณว่าข้อจำกัดการเดินทางจะถูกยกเลิกในเร็วๆ นี้ ประกอบกับการกระจายวัคซีน COVID-19 ในวงกว้างที่จะทำให้ฟื้นเศรษฐกิจและปลดล็อคอุปสงค์คงค้างของทั้งคนไข้ชาวไทยและต่างชาติ ในปี FY21 เราคาดว่ากำไรของ BH จะฟื้นตัวและเติบโต 90% และกำไรของ BDMS เติบโต 35% จากการกลับมาใช้บริการของคนไข้ชาวต่างชาติ ส่วน CHG และ BCH จะเติบโต 13% และ 11% ตามลำดับได้รับปัจจัยกระตุ้นจากรายได้ประกันสังคม, การตรวจหา COVID-19 และการฉีดวัคซีน

 

รายได้ต่อเนื่องจากการตรวจหา COVID-19 และฉีดวัคซีน

เราเชื่อว่าการตรวจหา COVID-19 จะเป็นเงื่อนไขบังคับสำหรับผู้โดยสารขาเข้าและแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านในอีกหลายปีข้างหน้า และจากความกังวลในประเด็นการกลายพันธ์ ทำให้การฉีดวัคซีน COVID-19 จะต้องมีการฉีดซ้ำเป็นประจำ ประเทศไทยอาจเป็นศูนย์กลางการฉีดวัคซีนจของประเทศเพื่อนบ้าน BH, BCH, BDMS และ CHG ได้รับใบอนุญาตฉีดวัคซีน COVID-19 แล้ว 

 

งบดุลแข็งแกร่ง = ความเสี่ยงต่ำ + โอกาสขยายธุรกิจในอนาคต

จากการลดงบลงทุนและการเลื่อนการก่อสร้างโครงการใหม่ เราคาดว่าสัดส่วน net gearing จะอยู่ในระดับต่ำ 0.1x เท่าสำหรับ CHG, 0.8x เท่าสำหรับ BCH และมีเงินสดมากกว่าหนี้สินสำหรับ BDMS และ BH  ทำให้ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และมีความสามารถในการขยายธุรกิจในอนาคตหลังจาก COVID-19 ควบคุมได้แล้ว

 

ให้น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาด โดยให้ BH และ BCH เป็นหุ้นเด่น

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมโรงพยาบาลในประเทศไทย  เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวในปีนี้ และเติบโตต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า หนี้สินที่น้อยจะทำให้ความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และจะหนุนการขยายธุรกิจในอนาคต เลือก BH และ BCH เป็นหุ้นเด่น