ก้าวไกล ชำแหละตั้ง'4รมต.ใหม่' สะท้อนสับเปลี่ยนขั้วอำนาจ

ก้าวไกล ชำแหละตั้ง'4รมต.ใหม่' สะท้อนสับเปลี่ยนขั้วอำนาจ

ก้าวไกล ชำแหละตั้ง'4รมต.ใหม่' สะท้อนสับเปลี่ยนขั้วอำนาจ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งที่2 หลังราชกิจจานุเบกษาประกาศรายชื่อรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ( 23 มี.ค. 64 )ว่า. การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/4 กับชื่อรัฐมนตรี ก็สะท้อนได้ชัดว่า เป็นการปรับตำแหน่ง เพื่อการขยับสับเปลี่ยนขั้วอำนาจเท่านั้น ไม่ได้มุ่งที่จะหาคนที่เหมาะสม มาขับเคลื่อนนโยบายกระทรวง เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนเลย

อย่างกรณี คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคุณตรีนุช เทียนทอง ทั้งสองท่าน ประชาชนที่ติดตามการเมือง ต่างก็ทราบว่า เป็นผู้ที่มีความสนิท และใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ การได้มาซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีของทั้ง 2 ท่านนี้ จึงเป็นการปรับตำแหน่ง เพื่อยึดโควต้ารัฐมนตรีคืนจากกลุ่ม กปปส. ซึ่งมีคุณณัฐฏพล ทีปสุวรรณ และคุณพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ และถือเป็นการกำจัดขั้วอำนาจของ กปปส. ให้พ้นไปจากพรรคพลังประชารัฐ ตามสำนวนไทยที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนทัพ เท่านั้น

“ จริงๆ ตำแหน่งรัฐมนตรี ที่หลายท่านติติงมาว่า ทั้งคุณชัยวุฒิ และคุณตรีนุช จบการศึกษามาไม่ตรงสาย จริงๆแล้ว ในประเด็นเรื่องวุฒิการศึกษาไม่ได้สำคัญเลย พ่อในโลกยุคใหม่ให้ความสำคัญกับ แรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น ประสบการณ์ และทักษะความสามารถมากกว่าวุฒิการศึกษา “

แต่ประเด็นที่เป็นข้อสังเกตก็คือ คุณตรีนุช ไม่เคยมีบทบาท ที่เด่นชัดในงานด้านการศึกษาเลย ไม่เคยแสดง ให้สาธารณชนรับรู้ถึงแรงบันดาลใจ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และปกป้องสิทธิ และเสรีภาพของของเด็กและเยาวชนเลย ไม่เคยแสดงให้ประชาชนได้เห็นถึงความทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาการศึกษาของชาติ ไม่เคยแสดงท่าทีที่ทำให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามั่นใจได้ว่า จะเป็นที่พึ่งพิงได้ และไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาการศึกผาาของชาติเลย จึงเป็นที่สงสัยของประชาชน นักเรียนนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ว่าจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหา และพัฒนาการศึกษาของชาติ ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และอยู่ในแนวทางที่อารยะประเทศ เขาขับเคลื่อนกันได้หรือไม่

“ สำหรับคุณชัยวุฒิเอง การที่ไม่ได้จบการศึกษาทางด้านดิจิทัล หรือคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัท Gulf Energy ซึ่งไม่ใช่บริษัททางด้านดิจิทัล ก็ไม่ใช่ปัญหามากมายนัก”

แต่ความกังวลที่ประชาชนมีต่อคุณชัยวุฒิ ก็คือ บทบาทที่ผ่านมา ในฐานะ ผู้ภักดีต่อทั้ง พล.อ. ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ที่มีท่าทีปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อผู้ชุมนุม และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสังเกตว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี DES ในครั้งนี้ของคุณชัยวุฒิ อาจจะเข้ามาเพื่อเซ็นเซอร์ และจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงออกในโลกไซเบอร์มากกว่า ซึ่งจะทำให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจ ในที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัลของประเทศ ลดทอนลง และอาจจะเป็นการกีดขวาง การพัฒนาธุรกิจใหม่ๆของประเทศอีกด้วย ความฝันที่จะเห็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอรน์ น่าจะเลือนลางอย่างมาก ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่คุณชัยวุฒิ ต้องพิสูจน์ตนเอง ว่าจะเป็นแค่หัวหน้ากองเซ็นเซอร์ อย่างที่คนเขาคาดการณ์เอาไว้ หรือไม่. นายวิโรจน์ กล่าว.

ทั้งนี้ วิโรจน์ ตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับคุณสินิตย์ เลิศไกร นี่ประหลาดใจมาก เพราะมาจากการคัดเลือกแบบโหวตภายในพรรคประชาธิปัตย์ โดยที่ยังไม่ทราบว่าจะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงใด จึงสะท้อนให้ประชาชนได้ทราบอย่างชัดเจนว่า เป็นการคัดเลือก ผ่านระบบมุ้งและเครือข่ายอำนาจภายในพรรคเท่านั้น ไม่ได้คัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสม กับการเข้ามาบริหารงานในกระทรวงเลย และในท้ายที่สุดก็มาเป็นรัฐมนตรีช่วย สลับกระทรวงกับคุณวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล โดยคุณวีรศักดิ์ ย้ายจาก รมช.พาณิชย์ ไปเป็น รมช.คมนาคม แทนที่คุณถาวร เสนเนียม ที่พ้นตำแหน่งไป เพื่อที่จะได้ย้ายมาทำงานร่วมกันกับคุณศักดิ์สยาม รมว.คมนาคม ทำให้พรรคภูมิใจไทย ยึดกระทรวงคมนาคมไว้ได้ทั้งกระทรวง

ในขณะที่คุณสินิตย์ จะไปเป็น รมช.พาณิชย์ ไปทำงานร่วมกันกับคุณจุรินทร์ รมว.พาณิชย์ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ยึดกระทรวงพาณิชย์ได้ทั้งกระทรวงเช่นเดียวกัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงประจักษ์ชัดแจ้ง อยู่แล้วว่า การปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปรับ เพื่อหาคนที่เหมาะสม มาทำงานให้กับประชาชน แต่เป็นการปรับ เพื่อตอบสนองต่อระบบมุ้ง ระบบขั้วการเมืองเท่านั้นเอง. นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย