'พาวเวล'มั่นใจมาตรการกระตุ้นศก.ไม่ก่อเงินเฟ้อรุนแรง

'พาวเวล'มั่นใจมาตรการกระตุ้นศก.ไม่ก่อเงินเฟ้อรุนแรง

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ว่า เขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ แต่คาดว่าแรงกดดันที่มีต่อราคานั้นจะไม่รุนแรง และจะไม่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

"เราคาดว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ โดยสาเหตุประการแรกคือ ฐานเปรียบเทียบที่ต่ำมากในเดือนมี.ค.และเม.ย.ปีที่แล้ว ส่วนสาเหตุด้านอื่นๆ ได้แก่การที่สหรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และการฉีดวัคซีนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายพุ่งขึ้น และสถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคา" นายพาวเวลกล่าว

นายแพทริค แมคเฮนรี หนึ่งในคณะกรรมาธิการฯซึ่งเข้ารับฟังความเห็นของนายพาวเวลในครั้งนี้ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ โดยกล่าวว่า "ขณะนี้มีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ สื่อหลายสำนักยังรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจจะเพิ่มการใช้จ่ายเป็นวงเงินอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์"

"เฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการใช้จ่ายเหล่านี้ที่จะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อหรือไม่" นายแมคเฮนรีได้ถามนายพาวเวล

นายพาวเวลกล่าวว่า "มุมมองที่ดีที่สุดของเราในขณะนี้ก็คือ ผลกระทบของมาตรการเหล่านี้ที่จะมีต่อเงินเฟ้อนั้น จะไม่รุนแรง และไม่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน นอกจากนี้ผมยังมองว่า เราอยู่ในโลกที่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ต่ำมากเป็นเวลานานถึง 25 ปี ดังนั้น ผมจึงไม่คิดว่า การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพียงครั้งเดียวซึ่งจะนำไปสู่การพุ่งขึ้นของราคาเพียงชั่วคราวนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะชะงักงัน"

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า เฟดมีเครื่องมือต่างๆที่จะจัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นการยืนยันว่า เฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%

นอกจากนี้ นายพาวเวลมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก โดยได้แรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสและเฟดต่างก็ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่า "ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์"

"การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น และมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวขึ้น และตลาดที่อยู่อาศัยก็ฟื้นตัวขึ้นแต่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมนั้น ยังคงมีความอ่อนแอ และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 6.2% ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอมากกว่าคาด โดยเฉพาะอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานที่ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ เศรษฐกิจยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่า 'ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์' ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงต้องเดินหน้าใช้มาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็น" นายพาวเวลกล่าว

ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ (24 มี.ค.) โดยจะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และความสำคัญของการใช้นโยบายทางการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19