‘บ้าน’ แถม ‘อาชีพ’ ยิ่งกว่าเยียวยาคือมีที่นอนและมีงานทำ

‘บ้าน’ แถม ‘อาชีพ’ ยิ่งกว่าเยียวยาคือมีที่นอนและมีงานทำ

โครงการ “เคหะสุขประชา บ้านพร้อมอาชีพ” จากการเคหะฯ เติมเต็มสิ่งที่ขาดให้ทุกคนมีโอกาสมี “บ้าน” และมี “งาน” ท่ามกลางสถานการณ์บั่นทอนหัวใจ

จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างแรงสะเทือนไปถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างหนัก ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและหน้าที่การงาน ด้วยความบกพร่องทางโอกาส จึงเกิดเป็นโครงการสร้าง “บ้าน” ประเภทเช่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างโอกาสให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึง

ทวีพงษ์  วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า จากภาวะวิกฤตดังกล่าวทำให้ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีความห่วงใยประชาชน โดยมอบนโยบายให้การเคหะแห่งชาติผลักดัน “โครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย”

การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินโครงการดังกล่าวภายใต้ชื่อ “โครงการบ้านเคหะสุขประชา” เพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มเปราะบาง ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณ รวมถึงผู้บุกรุกในพื้นที่สาธารณะ ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกทั้งเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 - 2579) ที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ว (Housing for all) สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ประกอบด้วย ผู้ที่เรียนจบไม่มีงานทำ ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ ลูกกตัญญู คนตกงาน/ไม่มีที่ดินทำกิน คนพิการและผู้สูงอายุที่ยังทำงานได้ และแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องการอาชีพ

161645767030

นอกเหนือจากการเช่าอยู่อาศัยในโครงการบ้านเคหะสุขประชาแล้ว การเคหะแห่งชาติยังได้สร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนานกันไปในมิติ มีบ้าน - มีอาชีพ - มีรายได้ - มีสุข ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาชุมชนที่เปรียบเสมือนนิคมสร้างตนเอง ซึ่งนอกเหนือจากโซนที่พักอาศัยแล้ว ภายในโครงการยังจัดให้มีพื้นที่สีเขียว พื้นที่สันทนาการ พื้นที่จอดรถ และพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา”

พื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” นั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่ในการพัฒนาโครงการ มีจำนวน 6 รูปแบบ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพบริการชุมชนและชุมชนข้างเคียง ตลาด  อุตสาหกรรมขนาดเล็ก และศูนย์การค้าปลีก - ส่ง โดยมุ่งส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยประกอบอาชีพอิสระในชุมชน รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้นๆ เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น พื้นที่ในเขตเมืองจัดทำเป็นตลาดชุมชน เนื่องจากประชาชนที่อยู่ในเมืองมักจะประกอบอาชีพอยู่แล้ว ส่วนโครงการในพื้นที่ภูมิภาคจัดให้มีการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และกสิกรรม เป็นต้น

ปัจจุบันโครงการบ้านเคหะสุขประชาอยู่ระหว่างดำเนินโครงการนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 โครงการ จำนวน 572 หน่วย ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า จำนวน 270 หน่วย และโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย มี 4 รูปแบบ ประกอบด้วย แบบ X (สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ) พื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร ค่าเช่า 1,500 บาท/เดือน แบบ A (ผู้มีสถานะโสด) พื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร ค่าเช่า 2,000 บาท/เดือน แบบ B (ครัวเรือนใหม่ 1 ห้องนอน) พื้นที่ใช้สอย 40 ตารางเมตร ค่าเช่า 2,500 บาท/เดือน และแบบ C (ครอบครัว 2 ห้องนอน) พื้นที่ใช้สอย 50 ตารางเมตร ค่าเช่า 3,000 บาท/เดือน

161645767123

การเคหะแห่งชาติเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนจองอาคารเช่าโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้าและโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง โดยมีคุณสมบัติดังนี้ 1. เป็นประชาชนที่ถือสัญชาติไทย 2. เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ ถูกเลิกจ้างงาน เปลี่ยนอาชีพ ย้ายถิ่นฐาน รายได้ลดลง เป็นต้น 3. เป็นผู้ว่างงาน เป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว เป็นคนพิการ เป็นผู้สูงอายุ และเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการไล่รื้อเวนคืน ข้าราชการเกษียณ เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมายกำหนด 4. บรรลุนิติภาวะ สามารถจัดทำนิติกรรมสัญญากับการเคหะแห่งชาติได้ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด 5. เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อเดือนต่อครัวเรือน จากเอกสารรับรองตนเองและผ่านการพิสูจน์ตรวจสอบหลักฐานจากการเคหะแห่งชาติ

ส่วนเงื่อนไขการจอง ประกอบด้วย 1. ผู้จองสิทธิต้องแสดงเจตจำนงการเข้าอยู่อาศัยประจำและร่วมดำเนินกิจการเศรษฐกิจสุขประชา (ต้องเข้าอบรมโครงการสุขประชา (Sukpracha Academy) ตามที่การเคหะแห่งชาติกำหนด 2. ผู้จองสิทธิกรณีเป็นผู้สูงอายุต้องมีสุขภาพแข็งแรง สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หรือกรณีเป็นคนพิการต้องขึ้นทะเบียนคนพิการกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้หรือมีผู้ดูแลเป็นการเฉพาะ 3. ให้สิทธิจองที่อยู่อาศัยโครงการบ้านเคหะสุขประชาใดๆ เพียงครอบครัวละ 1 หน่วย (ครอบครัว หมายถึง บิดา มารดา สามี ภรรยา (นิตินัยหรือพฤตินัย) บุตรหรือบุตรบุญธรรม) 4. ไม่สามารถโอนสิทธิการจองและสิทธิการเช่าให้กับผู้อื่น และไม่อนุญาตให้เช่าช่วง 5. ผู้จองสิทธิต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้าหรือเงินมัดจำ 1 เดือน โดยค่าเช่าขึ้นอยู่กับประเภทของรูปแบบบ้านในแต่ละโครงการ