JMART คาด 3ปี 'มาร์เก็ตแคป'พุ่งแตะ 2.5 แสนล้าน

JMART คาด 3ปี 'มาร์เก็ตแคป'พุ่งแตะ 2.5 แสนล้าน

เจมาร์ท คาดกำไรปีนี้ ทำออลไทม์ไฮต่อเนื่อง คาดรักษาระดับการโต50%ต่อเนื่องอีก 5ปี ถึงปี 68 หลังธุรกิจโตผงาด เล็งเปิด2ธุรกิจใหม่ โลจิสติกส์-โบรกเกอร์ประกัน-สินเชื่อ คาดชัดเจนในไตรมาส2-3ปีนี้ ลั่นหนุนมาร์เก็ตแคปโตกระฉูด ปี 66 แตะ 2.5 แสนล้าน

     นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด(มหาชน) JMART กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจปี 2564 บริษัทคาดว่า ในส่วนกำไรสุทธิ บริษัทน่าจะทำระดับสูงสุดหรือ All Time High ได้ต่อเนื่อง หรือเติบโตด้านกำไรปีละ 50 %ในปี 2564-2568

     โดยปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทเติบโตได้ก้าวกระโดดต่อเนื่อง หลักๆเชื่อว่า มาจาก การได้พาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ

     รวมถึงการรุกธุรกิจใหม่ของบริษัทใหม่ในอนาคต     อีกสองธุรกิจคือ โลจิสติกส์ และนายหน้าประกันภัยและสินเชื่อ ที่คาดมีความชัดเจนในไตรมาส 3 และไตรมาส 4นี้ ที่จะเข้ามาเติมเต็มอีโควซิสเต็มและการเติบโตให้เจมาร์ทเพิ่มขึ้นในอนาคต

    ส่วนแรกคือ ธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเจมาร์ท โดยใช้สาขาจากบริษัทลูกที่มีอยู่ มาทำธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น ผ่านสาขาของเจมาร์ท 200 สาขา ซิเงเกอร์ 7 พันสาขา รวมถึงอยู่ระหว่างการหารือกับพาร์ทเนอร์โลจิสติกส์ในไทย เข้ามาช่วย ซึ่งคาดว่าการเจรจาและการตั้งธุรกิจดังกล่าวจะชัดเจนในไตรมาส3ปีนี้

    ขณะที่ธุรกิจโบรกเกอร์ ที่ทำธุรกิจเป็นนายหน้าประกันภัย การเงิน สินเชื่อต่างๆ จะเน้นใช้เดต้าฐานลูกค้าในระบบของเจมาร์ทที่มีกว่า 6.7 ล้านคน ในการต่อยอดธุรกิจดังกล่าว

.   ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนในไตรมาส 4ปีนี้ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ามีกำไรจากธุรกิจดังกล่าวภายใน 2-3ปี และมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอในอนาคตด้วย

    "การเติบโตของบริษัท เชื่อว่ามาจากการลงทุนของบริษัทในช่วง 6-7ปีที่ผ่านมา รวมปีนี้ที่คาดลงทุนใหม่อีก 1.5 หมื่นล้าน โดยรวมคาดงบลงทุนที่ใช้ไปน่าจะเกิน6 หมื่นล้านบาท ทั้งการซื้อกิจการ ลงทุนใหม่ จับมือพาร์ทเนอร์ ที่หนุนการเติบโต และสร้างอีโควซิสเต็มให้เจมาร์ทแข็งแรงสมบูรณ์มากขึ้น"

     ในด้านมาร์เก็ตแคปของบริษัท ปัจจุบันเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดทั้งกลุ่มเพิ่มมาอยู่ที่ 1.02 แสนล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ จะเพิ่มเป็น 1.3 แสนล้านบาทได้ และคาดปี 2566 จะเพิ่มเป็น 2.5 แสนล้านบาทได้ จากการเติบโตของธุรกิจที่มากขึ้นในอนาคต