ศาลฎีกาสั่งประหารชีวิต 'บังฟัต' พร้อมพวก 6 คน ญาติจ่อถวายฎีกาขอฯอภัยโทษ

ศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ สั่งประหารชีวิต "บังฟัต" พร้อมพวก 6 คน คดีก่อเหตุวางแผนและฆ่า 8 ศพ เมื่อปี 2560 ญาติจ่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ

จากคดี นายซูริก์ฟัต หรือ บังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี พร้อมกับพวกรวม 8 คน ร่วมกันก่อเหตุสังหารโหดนายวรยุทธ หรือผู้ใหญ่บัติ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีต ผญบ.หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวและญาติๆ รวม 8 ศพ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก เมื่อวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่ 10 มี.ค.60 คดีดังกล่าวสร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก

หลังเกิดเหตุได้ 5 วัน ทางจนท.ตำรวจได้ ติดตามจับกุมตัว ผู้ก่อเหตุได้ทั้ง8 คน ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี , นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) อายุ 36 ปี , นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี ,นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี ,นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี ,นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี และ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ภรรยานายชูริก์ฟัต

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2562 ศาลอุทธรณ์ได้ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-7 โดยศาลให้ความเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 7 คน เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ชดใช้ค่าเสียหายให้กับญาติผู้เสียชีวิตทุกคนทนายจำเลยจึงได้ยื่นฏีกา ส่วนจำเลยที่ 8 คือ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ ภรรยานายชูริก์ฟัต ถูกตัดสินจำคุก 12 เดือน และได้รับโทษครบกำหนดไปก่อนหน้านี้แล้ว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 มี.ค. 2564 ที่ ห้องพิจารณาคดี ที่ 8 ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฏีกา ผ่าน Video Conference จากศาลจังหวัดกระบี่ ไปยังจำเลย 7 คน ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยในวันนี้ทางญาติผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่ด้วย แต่ศาลไม่ได้อนุญาตให้เข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี โดยศาลได้นัดแยกให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายนนี้ จึงต้องรอติดตามผล ด้านนอกอาคารศาลจังหวัดกระบี่ ซึ่งผลการพิจารณาคดี ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง7 คน สร้างความพึงพอใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

หลังทราบผลพิพากษาของศาลฏีกา นางอาส้า บุตรเติบ แม่ยายของ ผู้ใหญ่บัติ กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำพิพากษา ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมต่อครอบครัว เนื่องจากตลอดเกือบ4ปีที่ผ่านมาทางครอบครัว ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักทั้งจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปทั้งหมดถึง 8 คนและยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่เกิดจากการที่บังฟัต นำบ้านหลังที่เกิดเหตุและบ้านของพ่อตา ไปจำนองไว้กับธนาคาร จนกระทั่งทำให้บ้านทั้งสองหลังซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัวถูกธนาคารยึด ทำให้คนในครอบต่างวิตกกังวลว่าจะไม่มีที่อาศัย จึงอยากวอนขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายเกรียงศักดิ์ สารภี นายความ ของนายซริก์ฟัต และพวก กล่าวว่า หลังศาลฏีกามีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต จำเลยทั้ง 7 คน ก็ได้ปรึกษากับทางญาติจำเลย เพื่อหาทางยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษฯ ภายในเวลาระยะ 60 วัน หลังจากนี้