‘เงินบาท’วันนี้เปิด’แข็งค่า’ที่30.69บาทต่อดอลลาร์

‘เงินบาท’วันนี้เปิด’แข็งค่า’ที่30.69บาทต่อดอลลาร์

ตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยงหลังเฟดคงดอกเบี้ย กดดันดอลลาร์อ่อนค่า ทำให้สกลุเงินเอเชียฟื้นและเงินบาทแข็งค่าตาม ในระยะถัดไปจับตาทิศทางของบอนด์ยีลด์สหรัฐและไทยไม่ต่างกันมาก หนุนเงินทุนต่างชาตอาจไหลกลับเข้าไทย

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน EASY INVEST บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ไทยพาณิชย์ หรือSCBS เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 30.69 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ 30.80 บาทต่อดอลลาร์  ประเมินกรอบเงินบาทระหว่างวัน 30.60-30.80 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดการเงินอยู่ในโหมดเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) ในคืนที่ผ่านมา หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ไม่เปลี่ยนนโยบายการเงินเพราะมองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวสูง

ประเด็นสำคัญจากการประชุม FOMC ครั้งนี้คือเฟดเลือกคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% ตามเดิมคงปริมาณการซื้อพันธบัตร 8หมื่นล้าน และ MBS และ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ส่วนในฝั่งของการประมาณตัวเลขเศรษฐกิจ เฟดส่งสัญญาณว่าจะเห็นจีดีพีสหรัฐขยายตัวถึง 6.5% ในปีนี้ ขณะที่การว่างานคาดว่าจะลดต่ำลงถึงระดับ4.5% โดยมีเงินเฟ้อพื้นฐานที่จะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 2.2% จากเดิม 1.8% ส่วนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plots) คณะกรรมการ 4 จาก 18ท่าน มองว่าสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ภายในปี 2022 และ 7 จาก 18ท่าน เชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปี 2023

ภาพนโยบายการเงินดังกล่าวหนุนให้ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.29% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้แล้ว แตกต่างจากในฝั่งยุโรป ที่ดัชนี STOXX 600 ย่อตัวลง 0.45% หลังนักลงทุนขายทำกำไรเมื่อดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่

ภาพนโยบายการเงินและการตอบรับของตลาดหุ้น หนุนให้บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุสิบปีขยับขึ้นมาที่ระดับ 1.64% ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างยีลด์สหรัฐอายุสองปีและสิบปีขยับขึ้นมาถึง 1.46% สูงที่สุดนับตั้งแต่กันยายนปี 2015 สะท้อนภาพนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย

ขณะที่นักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น  ตลาดที่เปิดรับความเสี่ยง กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.4% ทันที โดยสกุลเงินความเสี่ยงสูงอย่างดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ต่างปรับตัวขึ้น 0.6-0.7% ดัชนี VIX Index ปรับตัวลงต่ำกว่า 20จุด ครั้งแรกในรอบปี โดยที่บิทคอยน์กลับมาซื้อขายเหนือระดับ 58000 ดอลลาร์และราคาทองคำขยับขึ้นมาที่ 1748 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านเงินบาท เชื่อว่าวันนี้จะมีแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ทำให้สกุลเงินทั่วทั้งเอเชียฟื้นตัวและบาทแข็งค่า 

อย่างไรก็ดีในระยะถัดไปยังต้องจับตาทิศทางของบอนด์ยีลด์สหรัฐและไทยอยู่ เนื่องจากเงินเฟ้อในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าไทย แต่ในปัจจุบันส่วนต่างระหว่างยีลด์ของสองประเทศมีไม่มาก จึงมีความเป็นไปได้ที่เงินทุนต่างชาติอาจกลับเข้ามาในประเทศไทยช้า เพราะฝั่งสหรัฐมีทั้งตลาดทุนที่น่าสนใจและมีผลตอบแทนของการถือสินทรัพย์ปลอดภัยดีกว่าในปีนี้

นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ แต่มองว่า เงินบาทอาจจะไม่แข็งค่าเร็วและแรง เพราะฝั่งผู้นำเข้า ก็รอซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าใกล้ระดับ 30.60-30.70 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ต้องจับตาทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือ ฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น โดยเฉพาะ ฟันด์โฟลว์ในฝั่งหุ้น ที่อาจจะผันผวนได้ ตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในประเทศ และแผนการแจกจ่ายวัคซีนของภาครัฐ โดยฟันด์โฟลว์หุ้นจากนักลงทุนต่างชาติอาจไหลกลับเข้าประเทศไทยมากขึ้น และจะมีส่วนหนุนให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากการระบาดของ COVID-19 เริ่มลดลง และการฉีดวัคซีนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30.60-30.75 บาทต่อดอลลาร์