SEAFCO - ซื้อ

SEAFCO - ซื้อ

ค่อยๆ ฟื้นตัว

เราคาดว่าผลประกอบการ 1Q21F จะพลิกมาเป็นกำไร 50 ลบ. เทียบกับขาดทุน 35 ลบ. ใน 4Q20 หนุนจากอัตราการใช้เครื่องมือที่สูงขึ้น นอกจากนี้เราคาดว่ากำไรปี FY22F จะฟื้นตัวได้เต็มที่หนุนจากโครงการเมกาโปรเจคที่จะประมูลในปี FY21F คงคำแนะนำ ซื้อ พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ 5.60 บาท (จาก 6.90 บาท) เทียบเท่า 15x FY21F PER

 

คาดผลประกอบการ 1Q21F พลิกเป็นกำไรจากอัตราการใช้เครื่องจักรที่สูงขึ้น

ปัจจุบันอัตราการใช้เครื่องจักรฟื้นตัวขึ้นสู่ 73% เทียบกับ 65% ใน 4Q20 และ 68% ใน 3Q20 ดังนั้นเราคาดว่ารายได้ 1Q21F และอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัว ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการ 1Q21F จะพลิกมาเป็นกำไรราว 50 ลบ. เทียบกับขาดทุน 35ลบ. ใน 4Q20 หนุนจากอัตราการใช้เครื่องจักรที่สูงขึ้น ขณะที่บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัททำสัญญากำหนดราคาและปริมาณไว้แล้วตั้งแต่โครงการก่อสร้างเริ่มขึ้น รวมถึงลักษณะงานฐานรากที่มีระยะเวลาโครงการที่สั้น (1-12 เดือน) จะลดความเสี่ยงจากความผันผวนต้นทุนวัตถุดิบ

 

โครงการ Central Embassy-Phase II จะเริ่มใน 2Q21F

SEAFCO มี backlog มูลค่า 2.0 พันลบ. ในปัจจุบันซึ่งจะเพียงพอสำหรับการรับรู้ไปอีกสามไตรมาส ขณะที่เราคาดว่าโครงการ Central Embassy-Phase มูลค่า 700ลบ. ที่จะเริ่มใน 2Q21F จะช่วยหนุนรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น

 

ฟื้นตัวได้เต็มที่ใน FY22F

หนุนจากโครงการเมกาโปรเจคที่จะประมูลในปี FY21F มูลค่ากว่า 4 แสน ลบ. เช่น (1) รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (ขายซองประมูลในมิ.ย.), และ (2) รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก โดยคาดว่าทั้งสองโครงการจะมีงานฐานรากมูลค่า 8.8 พันลบ.

 

คงคำแนะนำ ซื้อ พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ 5.60บาท (จาก 6.90บาท)

เราปรับคาดการณ์กำไรปี FY21F-FY22F ลง 19% และ 12% ตามลำดับหลังจาก (1) ปรับสมมติฐานรายได้จาก 3.2 พันลบ. และ 3.5 พันลบ. สู่ 2.65 พันลบ. และ 3.0 พันลบ. เพื่อสะท้อนความล่าช้าของโครงการเมกาโปรเจค และ (2) ปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจาก 5.2% สู่ 5.5% ใน FY21F และ FY22F คำแนะนำของเราหนุนจากอัพไซด์จากเมกาโปรเจค และราคาเป้าหมายใหม่ของเราเทียบเท่า 15x FY21F PER