มิตซูบิชิ ฉลองผลิตรถในไทย '6 ล้านคัน'

มิตซูบิชิ ฉลองผลิตรถในไทย '6 ล้านคัน'

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยครบ 60 ปี นอกจากการขายแล้ว ยังมีกิจกรรมการผลิต เพื่อทำตลาดและส่งออกไปกว่า 120 ประเทศอีกด้วย

สำหรับการผลิตรถในไทยที่ศูนย์การผลิต แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรีนั้น ล่าสุด มิตซูบิชิ ประกาศความสำเร็จในการผลิตครบ 6 ล้านคัน 

"โมะริคาซุ ชกกิ" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในไทยนั้น กำหนด 7 แกนหลักที่สำคัญ ได้แก่ 

  • การลงทุน 
  • การส่งออก 
  • สิ่งแวดล้อม 
  • การถ่ายทอดเทคโนโลยี 
  • การช่วยเหลือสังคม 
  • การพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ 
  • การจ้างงาน 

และในส่วนของการผลิตนั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ทั่วโลก

นอกจากนี้ สายการผลิตแหลมฉบัง ยังเพิ่มการผลิต "ปลั๊ก-อิน ไฮบริด" เป็นครั้งแรกกับรุ่น "เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี" ซึ่งถือเป็นศูนย์การผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกที่สามารถผลิตรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในโลกเพื่อการจำหน่ายภายในประเทศ

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวีถือเป็นรถยนต์รุ่นแฟล็กชิพที่สำคัญ จำหน่ายแล้วกว่า 60 ประเทศทั่วโลก มียอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกมากถึง 270,000 คัน เมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคมปี 2563 ที่ผ่านมา

และประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ผลิตขึ้นด้วยฝีมือคนไทยเป็นรายแรกเมื่อปี 2531 และดำเนินกิจกรรมนี้เรื่อยมา ถึงปัจจุบันมียอดการส่งออกสะสมใน 120 ประเทศทั่วโลก 4.4 ล้านคัน คิดเป็น 75% ของการผลิตทั้งหมด 

ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยมีกิจกรรมด้านการผลิตและพัฒนา ประกอบไปด้วย 

  • โรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง 
  • โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง 
  • สนามทดสอบรถยนต์เพื่อการคิดค้นและพัฒนายานยนต์แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น 
  • สถาบันการศึกษาและฝึกอบรมสำหรับพนักงานและเจ้าหน้าที่ของผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

ส่วนการลงทุนนั้น ในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ลงทุนด้านต่างๆ ไปแล้วกว่า 82,000 ล้านบาท 

“เรายังคงมุ่งมั่นคิดค้นเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการยกระดับเทคโนโลยีควบคู่ไปพร้อมการพัฒนาบุคลากรของเราเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรอบด้าน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของกลยุทธ์แบรนด์ระดับโลก Drive your Ambition ที่เรายึดมั่นในพันธสัญญาที่มีต่อลูกค้าทุกคน” ชกกิ กล่าว