ผลสำรวจชี้นลท.วิตกเงินเฟ้อพุ่ง-เฟดลดคิวอีมากกว่าโควิด-19

ผลสำรวจชี้นลท.วิตกเงินเฟ้อพุ่ง-เฟดลดคิวอีมากกว่าโควิด-19

ผลสำรวจชี้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อพุ่ง-เฟดลดคิวอีมากกว่าโควิด-19 ซึ่งปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ไม่ติดอันดับ 1 เป็นครั้งแรกในเดือนมี.ค. หลังจากที่ครองอันดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว

ผลสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า บรรดาผู้จัดการกองทุนมีความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมากที่สุด ตามมาด้วยการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 ร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 3

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 37% แสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ขณะที่ 35% ระบุว่า มีความกังวลต่อการที่เฟดอาจปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอี ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดพันธบัตร

ส่วนผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนไม่ถึง 15% ระบุว่า มีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการกระจายวัคซีน โดยผู้ตอบแบบสอบถามที่แสดงความกังวลดังกล่าวลดลงราวครึ่งหนึ่งจากการสำรวจในเดือนที่แล้ว

ปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ไม่ติดอันดับ 1 เป็นครั้งแรกในเดือนมี.ค. หลังจากที่ครองอันดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากขณะนี้สหรัฐมีการฉีดวัคซีนในวงกว้าง ส่งผลให้จำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และจำนวนผู้เสียชีวิตลดต่ำลง

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่านักลงทุนยังมีความวิตกปลีกย่อยเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท, การที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจประกาศขึ้นภาษีต่อชาวอเมริกัน รวมทั้งอาจคุมเข้มกฎระเบียบในภาคธุรกิจ

ผลสำรวจบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2% จะส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลงมากกว่า 10% และหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะ 2.5% จะทำให้นักลงทุนถอนตัวออกจากตลาดหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตร เนื่องจากมีความน่าดึงดูดมากกว่า

ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนจำนวน 220 ราย ซึ่งบริหารสินทรัพย์รวม 6.30 แสนล้านดอลลาร์ได้เข้าร่วมการสำรวจดังกล่าว ซึ่งจัดทำขึ้นในวันที่ 5-11 มี.ค.