SEAFCO - ถือ

SEAFCO - ถือ

อดทนไว้!!!

Event

Opportunity day.

lmpact

การแข่งขันจะยังเข้มข้นในปีนี้ และจะลดลงในปีหน้า

ในปัจจุบัน SEAFCO มี backlog อยู่ในมือ 2.0 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะรับรู้รายได้ไปอีกประมาณสามไตรมาส ทั้งนี้ การลงทุนภาคเอกชน (ทั้งกลุ่มที่อยู่อาศัย และการพาณิชย์) ซบเซามาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา โดยในปี 2563 อุปทานใหม่ลดลงถึง 23% YoY อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปทานใหม่ในปี 2564 จะเพิ่มขึ้น 11% YoY ในขณะที่น่าจะมี backlog โครงการใหญ่ ๆ เพิ่มเข้ามาในปี 2565 อย่างเช่น โครงการภาครัฐ (รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก, รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน) โดยโครงการภาครัฐทั้งสองโครงการจะช่วยเพิ่มbacklog ให้กับอุตสาหกรรม (1-1.5หมื่นลบ.) เมื่อเทียบกับระดับการรับรู้รายได้ทั้งอุตสาหกรรมก่อนเกิด COVID-19 (0.9-1.0 หมื่นลบ.) ทั้งนี้ จากสถานการณ์ในปัจจุบันของทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน ทำให้เราคาดว่าการแข่งขันในปี นี้จะยังคงเข้มข้น แต่จะคลายความรุนแรงลงในปี 2565

คาดว่าผลประกอบการใน 1Q64 จะพลิกฟื้นจากที่ขาดทุนสุทธิใน 4Q63

เราคาดว่าผลประกอบการของ SEAFCO ใน 1Q64 จะพลิกฟื้นจากที่ขาดทุนสุทธิใน 4Q63 เนื่องจาก i) ไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่ม ii) ไม่มีการปรับอัตรากำไรขั้นต้น และ iii) อัตราการใช้งานอุปกรณ์เพิ่มขึ้น (เป็น 65% ใน 4Q63) ทั้งนี้ ผู้บริหารบอกว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเหล็กที่แพงขึ้นเนื่องจากมีการล็อกราคาเอาไว้ล่วงหน้าสำหรับเหล็กทั้งหมดที่ต้องใช้ตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการแล้ว ในขณะเดียวกันบริษัทก็ได้รับผลกระทบน้อยมากจากต้นทุนน้ำมันดีเซลที่ขยับเพิ่มขึ้น (แค่ 2-3% ของ COGS)

ปรับลดประมาณการปี 2564-65 ลง 43%-20% จากการปรับลดอัตรากำไรขั้นต้น และเพิ่ม SG&A

เราปรับลดประมาณการปี 2564-65 ลง 43% และ 20% ตามลำดับ เนื่องจาก i) เราปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นลงจาก 15.8% และ 16.1% เหลือ 11.1% และ 14.0% ในปี 2564 และ 2565 เพื่อสะท้อนถึงการแข่งขันที่เข้มข้น และ ii) ปรับเพิ่มสมมติฐาน SG&A/ยอดขาย จาก 4.5% และ 4.7% เป็น 5.2% ในปี 2564 และ 2565

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น SEAFCO จาก ขาย เป็น ถือ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 4.42 บาท อิงจาก PER ที่ 16.0x เรามองว่าปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น ได้แก่ i) การออกเอกสาร Request for Proposal (RfP) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และ ii) การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เราเชื่อว่าปัจจัยบวกในระยะสั้นจากโครงการภาครัฐจะช่วยลิมิต downside

Risks

ความไม่สงบทางการเมือง, ความล่าช้าในการก่อสร้าง และการลงทุน