ฝุ่นจิ๋วสูงภาคเหนือกระทบกลุ่มเปราะบาง เลี่ยงออกนอกบ้าน

ฝุ่นจิ๋วสูงภาคเหนือกระทบกลุ่มเปราะบาง เลี่ยงออกนอกบ้าน

กรมอนามัย หวั่นฝุ่นจิ๋วสูงภาคเหนือกระทบกลุ่มเปราะบาง เน้นย้ำเช็คค่าฝุ่น – เลี่ยงออกนอกบ้าน – ไม่สร้างฝุ่นเพิ่ม

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินมาตรฐาน และส่งผลกระทบต่อสุขภาพกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง จึงต้องหมั่นดูแลป้องกันตนเองอยู่เสมอ โดยเมื่อสถานการณ์ฝุ่นมีค่าสูงเกินมาตรฐาน ควรปฏิบัติดังนี้ 1) ตรวจเช็คค่าฝุ่น และติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เช่น Air4Thai หรือ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5” 2) เลือกปฏิบัติตัวให้เหมาะสม โดย ลด เลี่ยง งดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่หากจำเป็นต้องออกจากบ้านให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากาก N95 โดยเลือกหน้ากากให้เหมาะสมกับลักษณะงานหรือกิจกรรมของผู้สวมใส่ มีขนาดที่เหมาะสมกับใบหน้า และหน้ากากต้องได้มาตรฐาน สะอาด ไม่มีกลิ่นผิดปกติหรือฉีกขาด ต้องครอบจมูก และปาก 3) ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นทั้งภายในและภายนอกบ้าน เช่น การเผาในที่โล่งแจ้ง และหมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด เพื่อเป็นการลดฝุ่นในบ้าน 4) หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก คลื่นไส้ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที ดังนั้น ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ดูแลป้องกันสุขภาพตนเองอยู่เสมอ

             

“ทั้งนี้ สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5  ในพื้นที่ภาคเหนือ พบค่า PM2.5 เกินมาตรฐาน (สีส้ม) และยังพบพื้นที่ที่อยู่ในขั้นวิกฤติ (สีแดง) อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ 6 พื้นที่ ใน 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย โดยค่าสูงสุดวันนี้อยู่ที่ 194 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน สำหรับพื้นที่อื่น ๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง  พบค่า PM2.5 อยู่ในระดับปานกลาง และจากรายงานการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ของระบบข้อมูลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 7 มีนาคม 2564 พบว่า มีผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการที่สถานพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมีจำนวนสะสม 255,077 ราย โดยเป็นผู้ป่วยด้วยกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจมากที่สุด รองลงมาคือกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือดและสมองอุดตันขาดเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการเฝ้าระวังอาการตนเองของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง (อนามัยโพล) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1 – 8 มีนาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในภาพรวมมีอาการถึงร้อยละ 39.49 ส่วนใหญ่มีอาการแสบจมูกร้อยละ 19.32 คัดจมูก มีน้ำมูกร้อยละ 18.90 และอาการระคายเคืองตา ร้อยละ 15.54 และกลุ่มอายุ 45 – 54 ปี     เป็นกลุ่มที่มีอาการมากที่สุด” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว