‘ออริจิ้น’ชูนิวเอสเคิร์ฟ ลดเสี่ยงธุรกิจอสังหาฯ สร้างรายได้

 ‘ออริจิ้น’ชูนิวเอสเคิร์ฟ  ลดเสี่ยงธุรกิจอสังหาฯ สร้างรายได้

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ งัดนิวเอสเคิร์ฟลดความเสี่ยงลุย ธุรกิจโลจิสติกส์ เฮลธ์แคร์ บริหารสินทรัพย์ รับเมกกะเทรนด์พ่วงอาคารสำนักงานสร้างรายได้ประจำ เดินหน้า เปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้าน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้จะนำบทเรียนและองค์ความรู้ตลอดปี 2563 มาปรับใช้ภายใต้แนวคิด “ORIGIN NEXT LEVEL” เพื่อสร้างระบบนิเวศในการดูแลผู้บริโภคได้อย่างครบวงจรในทุกช่วงเวลาของชีวิต ผ่านธุรกิจนิวเอสเคิร์ฟใหม่ที่อิงกระแสเมกะเทรนด์เพื่อกระจายความเสี่ยงกับธุรกิจใหม่ 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ ภายใต้บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ 2.กลุ่มธุรกิจศูนย์โลจิสติกส์ ดำเนินกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพรวมถึงเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ ภายใต้การร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิดผนธุรกิจปลายเดือน เม.ย.นี้

และ 3.กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยนำองค์ความรู้และความพร้อมในเครือบริษัท มาต่อยอดสู่การดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างครบวงจร ร่วมกันบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ซึ่งมีโอกาสเพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 อยู่ระหว่างการขอไลเซ่นส์จากธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อบริษัท บริหารสินทรัพย์ พรอมมิเนนท์ จำกัด คาดเริ่มซื้อได้ไตรมาส 3 เป้ารายได้ปีละ 100-200 ล้านบาท ให้กับรายย่อยในการปรับโครงสร้างหนี้

ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าพัฒนาอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ โดยปีนี้จะพัฒนาโครงการวัน ออริจิ้น สนามเป้า อาคารสำนักงาน 56,100 ตร.ม.ติด BTS สนามเป้า

สำหรับ ORIGIN NEXT LEVEL ประกอบด้วย 2 แกนหลัก ได้แก่ 1.การขยายธุรกิจทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกด้วยทำเลใหม่ แบรนด์ใหม่ กลุ่มธุรกิจใหม่ ความร่วมมือใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยจะเปิดตัวปีนี้ 20 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท 2. สร้างสรรค์ทั้งฟังก์ชั่นใหม่ และบริการใหม่ ในบ้านจัดสรรและคอนโด เพื่อตอบโจทย์คนยุคนาว นอร์มอล จนถึง เน็กซ์ นอร์มอล

“เรามองตัวเองเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสินค้าและบริการต่อยอดได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่นตลอดช่วงชีวิต คาดว่าปีนี้จะสามารถทำยอดได้ 29,000 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทและมีรายได้รวม 14,000 ล้านบาท

นายพีรพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายด้าน เช่น การต่ออายุมาตรการลดภาษีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนอง ที่มีผลตั้งแต่เมื่อ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา การเริ่มทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19ดังนั้นแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด ณ สิ้นเดือน ก.พ. มียอดขายแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท