PTT ชี้ ผลดำเนินงานปีนี้สูงกว่าปี63 ราคาน้ำมันดิบ-ดีมานด์ พุ่ง

PTT ชี้ ผลดำเนินงานปีนี้สูงกว่าปี63  ราคาน้ำมันดิบ-ดีมานด์ พุ่ง

PTTคาดผลดำเนินงานปีนี้สูงกว่าปีก่อน เหตุ ทุกธุรกิจเติบโตจากเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนราคาน้ำมัน-ส่วนต่างผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น เล็งปิดบริษัทถ่านหินทั้งหมด 3 บริษัท ภายในสิ้นปีนี้ ด้านโบรก ชี้ ราคาหุ้นกลุ่มปตท.ขึ้นสวนดัชนีหุ้นไทยร่วง เหตุ รับอานิสง

 นางสาวพรรณพร ศาสนนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายแผนกลยุทธ์การเงินองค์กรและฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานปีนี้ คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน เนื่องจาก คาดราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้จะอยู่ที่ 55-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เฉลี่ย 42.2ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้น และอุปทานที่ลดลง , ธุรกิจก๊าซธรรมชาติคาดยอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.4%ต่อปี ในช่วง5ปี (2564-2568)ขณะที่ต้นทุนก๊าซฯในปีนี้ลดลง5-7%จากปี2563 และโรงงานแยกแก๊ซฯมีกำลังการผลิตเพิ่มอยู่ที่ 93%จากปี2563 ที่มีกำลังการผลิต88%

    ขณะที่ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม คาดประมาณการขายเติบโตประมาณ12% ขณะที่ต้นทุนลดลงประมาณ 5% ,ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ปีนี้จะ เปิดสถานีบริการน้ำมันเพิ่ม 108 แห่ง และเปิดร้านคาเฟ่อเมซอน 418ร้าน ,ธุรกิจโรงกลั่นคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มอยู่ที่ 97-99%จากปีก่อนที่ 96% ค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์ปีนี้เพิ่มขึ้น 1.5-2.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล,ธุรกิจปิโตรเคมี สเปรดปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยHDPEอยู่ที่ 440-490 ดอลลาร์ต่อตัน คาดราคาเพิ่มขึ้น 11%  , PPอยู่ที่ 590-640 ดอลลาร์ต่อตัน คาดราคาเพิ่มขึ้น 17%จาก, PX 185-235ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 20%,BZ110-160ดอลลาร์ต่อตันคาดราคาเพิ่มขึ้น 40% และธุรกิจไฟฟ้าคาดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 2%

     สำหรับธุรกิจถ่านหินปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะปิดบริษัทเพิ่มอีก 3 บริษัท จากปีก่อนที่ปิดไปแล้ว 1 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในสิ้นปีนี้  เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้น้อย และนักลงทุนกังวลในเรื่องสิ่งแวดล้อม  

     

ความเคลื่อนไหวราคหุ้นกลุ่มปตท.วานนี้(8มี.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดย บมจ.ปตท.( PTT)เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.70 % อยู่ที่42 บาท ,บมจปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP)เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ 2.59%อยู่ที่ 119 บาท ),บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เพิ่มขึ้น 2.52บาท หรือ 3.44% อยู่ที่ 67.75 บาท ,บมจ.ไทยออยล์ ( TOP)เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ 2.39%อยู่ที่ 64.25 บาท 

      นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่ม ปตท. ปรับขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 มี.ค.2564) ที่ปรับตัวลง เนื่องจากได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นทะลุ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเป็นผลต่อเนื่องจากการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสและซาอุดิอาระเบีย

       ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย คาดการณ์ทิศทางของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 70-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งบริษัทแนะนำซื้อ PTTEP ให้ราคาเหมาะสมที่ 120 บาท  และ PTTGC  มีราคาเหมาะสมที่ 70บาทเพราะได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นโดยตรง ขณะที่ต้นทุนการจุดเจาะและราคาก๊าซในประเทศในอีก 9 เดือนข้างหน้ายังทรงตัวในระดับต่ำ ส่งผลให้บริษัทได้รับกำไรที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างของต้นทุนและราคาขาย

      

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  กล่าวว่า ในเดือนม.ค.มีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่2 แสนบัญชี เพิ่มขึ้นจากอดีตที่มียอดเปิดบัญชีใหม่ทั้งปีเฉลี่ย 3-4 แสนบัญชี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการ บมจ.ปตท.น้ำมันและค้าปลีก (OR) เข้าจดทะเบียน และยังช่วยทำให้มูลค่าซื้อขายเดือนก.พ.ปรับขึ้น 9.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 43.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งส่งผลให้สัดส่วนการซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนรายย่อยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 47.3% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่มีสัดส่วนรายย่อย 46.61%