เซ็นทรัลระดมทุน 'ไฟท์โควิด' ต่อยอดวิจัยวัคซีนโดยแพทย์ไทย

เซ็นทรัลระดมทุน 'ไฟท์โควิด' ต่อยอดวิจัยวัคซีนโดยแพทย์ไทย

นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดลากยาวมาราธอนข้ามปี สิ่งที่เป็น “ความหวัง” ของคนทั้งโลก คือการมี “วัคซีน” มากำราบไวรัสมฤตยูให้สิ้นซาก เพื่อให้ประชากรทุกคนบนโลกใบนี้สามารถกลับมาใช้ชีวิต ดำเนินกิจกรรมต่างๆได้ดังเดิมโดยปราศจากความกลัว!

ทว่า การคิดค้น ทดสอบไปจนถึงกระบวนการผลิตวัคซีนโดยทั่วไปใช้ระยะเวลายาวนานเป็นปีๆ ยิ่งกว่านั้นยังใช้เทคโนโลยีและ เงินทุน” มหาศาลในการวิจัย และพัฒนา ซึ่งต้องยอมรับว่าปัจจัยดังกล่าวเป็น อุปสรรค สำคัญทำให้การสร้างแพลตฟอร์มรองรับการวิจัยวัคซีนในประเทศไทยไม่เป็นรูปธรรมนัก

พลังและงบประมาณจากภาครัฐ เป็นส่วนสำคัญในการทำให้งานวิจัยวัคซีนเกิดขึ้น แต่การมีแรงหนุนจากภาค เอกชน” ย่อมเป็นเรื่องดี และยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของเมืองไทย จึงออกโรงจัดกิจกรรมระดมทุนช่วยอีกแรงผ่านโครงการ “ทำด้วยใจ ไฟท์โควิด-19 ภายใต้โครงการเพื่อสังคมเซ็นทรัล ทำ-ทำด้วยกัน ทำด้วยใจซึ่ง พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล เท้าความถึงเจตนารมย์ในการทำโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นร่วมปีนับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด กลุ่มเซ็นทรัลได้หารือกับบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทาง ตลอดจนมาตรการที่จะยับยั้งโรคระบาด

การประชุมกับบุคลากรทางการแพทย์เกิดขึ้นต่อเนื่อง จนที่สุดโปรเจคจึงเกิดขึ้น เพราะประเมินแล้วว่าโรคโควิด-19 จะอยู่กับคนไทยและทั้งโลกอีกเป็นปี

กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือตระหนักถึงผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพประชาชนในวงกว้าง ปัจจุบันยังต้องเฝ้าระวังการระบาดของโรคอยู่ ขณะที่หลายหน่วยงานได้ทุมเทอย่างมากเพื่อวิจัยอย่างเร่งด่วนหาทางยับยั้งเชื้อไวรัส ต้องการทุนทรัพย์ในการสนับสนุนให้เกิดผลสำเร็จคามเป้าหมาย กลุ่มเซ็นทรัลจึงเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ลุยโปรเจคเพื่อระดมทุนช่วยเรื่องดังกล่าว

สำหรับ ทำด้วยใจ ไฟท์โควิด-19” เป็นการเชิญชวนประชาชน ภาคีเครือข่าย รวมถึงคู่ค้าร่วมระดมทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยาทำลาย/กระบวนการยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่าและวัคซีนป้องกันโรคโดยฝีมือแพทย์ชาวไทย มอบผ่านแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ โดยมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ ตั้งแต่วันนี้ถึงธันวาคม 2564

ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัล ประเดิมมอบเงินทุนก้อนแรก 20 ล้านบาท และตลอดโครงการคาดหวังระดมทุนได้เงินทั้งสิ้นหลัก “ร้อยล้านบาท โดยเงินทุนที่ได้จะส่งเสริมการวิจัย 3 หน่วยงาน ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะแพทยศาสตร์ โรงพยายาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้าน.เกียรติคุณ นพอมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีอยู่ในหลายประเทศ แต่เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนคือกำลังมีการฉีดวัคซีน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยใหม่ลดลงได้ ส่วนในประเทศไทยแม้จะมีการระบาดรอบ 2 ยอดผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งหลายร้อยรายต่อวัน แต่ปัจจุบันลดเหลือต่ำกว่า 50 คนต่อวัน และคาดหวังให้เหลือตัวเลข 1 หลัก

ทั้งนี้ โจทย์การยังยั้งโรคโควิดปีนี้เปลี่ยนจากปีก่อน ตราบใดที่ไวรัสยังอยู่ย่อมไม่มีใครปลอดภัย ทำให้ทุกภาคส่วนเร่งวิจัยและพัฒนาวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนสำเร็จโดยเร็ว จากก่อนหน้านี้วิจัยแล้วขึ้นหิ้ง เพราะประเทศไทยปลอดจากผู้ติดเชื้อใหม่นานนับร้อยวัน

โควิดมาเร็ว ไปเร็ว การดำเนินการทุกอย่างจึงต้องเร็ว รวมถึงการวิจัยวัคซีนด้วย จากปกติใช้เป็นปี

.นพ.ประเสริฐ  เอื้อวรากุล  รองคณคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคระบาด โดยทั่วไปจะใช้เทคโนโลยี และเงินทุนมหาศาลหลักพันล้านบาทซึ่งการขาดเงินทุนถือเป็นอุปสรรคใหญ่ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถสร้างแพลตฟอร์มในการวิจัยวัคซีนได้

ทั้งนี้ การที่เอกชนเข้ามาสนับสนุนงบประมาณด้านวิจัยและพัฒนาวัคซีน จะสร้างประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ไม่เพียงแค่โรงเรียนแพทย์รับเงินทุนวิจัย ในอนาคตหากไวรัสกลายพันธุ์ การมีแพลตฟอร์มวิจัยและพัฒนาวัคซีนเป็นของตัวเองยังต่อยอดการพัฒนาวัคซีนใหม่ๆได้ด้วย

หากประเทศไทยสามารถสร้างแพลตฟอร์มวิจัยและพัฒนา ตลอดจนผลิตวัคซีนได้เอง อย่างป้องกันโรคโควิด-19 คาดว่าจะทำให้ต้นทุนวัคซีนถูกลง 50% เมื่อเทียบกับนำเข้าจากต่างประเทศ

สำหรับผู้สนใจสมทบทุนโครงการ ทำด้วยใจ ไฟท์โควิด-19” สามารถดำเนินการผ่านช่องทางต่างๆ เช่น บัญชี มูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 002-2-84631-9 หรือสแกนคิวอาร์โค้ด E-donation จุดต่าง ภายในศูนย์การค้า ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล, เว็บไซต์ www.tham-dee.com/projects/help-thai-fight-covid19, กล่องรับบริจาค บริเวณจุดชำระเงินค่าสินค้าหรือจุดประชาสัมพันธ์ในศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลและwww.centralgroup.com/th/help-thai-fight-covid19 เป็นต้น