จับ 33 แรงงานต่างด้าว ลอบเข้าไทย ตามช่องทางธรรมชาติ

จับ 33 แรงงานต่างด้าว ลอบเข้าไทย ตามช่องทางธรรมชาติ

ทหารชุดเฉพาะกิจ ลาดหญ้า จับ 33 แรงงานต่างด้าว ลอบเข้าไทย ตามช่องทางธรรมชาติ

เมื่อ 05.30 น. ของวันที่ 5 มี.ค.64 ที่ผ่านมา  พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.กกล. สุรสีห์ ผบ.พล ร.9 จ.กาญจนบุรี  สั่งการหน่วยงานความมั่นคงที่ขึ้นตรง กวดขัน เกมงวดผู้กระทำความผิดกฎหมาย อย่างจริงจังตามแนวตะเข็บชายแดน จึงสั่งการให้ พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พ.อ.เฉลิมชัย ต้องข์สัง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ร.ท.ศุภกฤต ทรัพย์เจริญ หัวหน้าชุดลาดตระเวน จุดตรวจความมั่นคงบ้านน้ำเกิก ตำรวจ สภ.สังขละบุรี ฝ่ายปกครอง อส.สังขละบุรีร้อย ตชด . ที่ 134  ร่วมกันทำการจับกุมผู้กระทำผิดลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 33 คน บริเวณเส้นทางธรรมชาติหินสามก้อน บ.ซองกาเรีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี

ทหารฉก.ลาดหญ้า จับแรงงานต่างด้าวโรฮิงญา 33คน
 

จับกุมได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวพลเมืองดีในพื้นที่ว่ามีแรงงานต่างด้าวพักคอยเพื่อรอการเคลื่อนย้าย เข้ามาพื้นที่ฉันในประเทศโดยยานพาหนะบริเวณเส้นทางธรรมชาติหินสามก้อน บริเวณเส้นทางตามที่ได้รับแจ้งจาก ปากทาง บ.ซองกาเรีย-หาดทราบห้วยซองกาเรีย-หินสามก้อน จนถึงบริเวณท่าน้ำไร่เจ้มณี พบว่ามีแรงงานต่างด้าวนอนหลบอยู่ในหุบเขาจึงทำการแสดงตัวเข้าจับกุม ตรวจสอบพบว่ามีจำนวนทั้งหมด 33 คน เชื้อชาติมอญ 7 คน กระเหรี่ยง 14 คน เมียนมา 3 คน และ โรฮิงญา 9 คน

ทหารฉก.ลาดหญ้า จับแรงงานต่างด้าวโรฮิงญา 33คน

ทหารฉก.ลาดหญ้า จับแรงงานต่างด้าวโรฮิงญา 33คน

ทหารฉก.ลาดหญ้า จับแรงงานต่างด้าวโรฮิงญา 33คน

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาที่พูดไทยได้ให้การว่าตนและพวกติดต่อนายหน้าฝั่งเมียนมาผ่านทางโทรศัพท์ โดยไม่ทราบชื่อนายหน้า จากนั้นได้นัดรวมตัวกันที่ อ.พญาตองซู ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. และช่วงเช้า มีผู้นำพาชาวเมียนมา สัญชาติเมียนมา ไม่ทราบชื่อ จำนวน 4 คน นำเดินเข้ามาฝั่งไทย ใช้การเดินเท้าเข้ามาตามเส้นทางธรรมชาติ(เส้นทางรถไฟเก่าข้างวัดพิมละม่อม) จากนั้นใช้เส้นทางตามหุบเขาจนมาถึงห้วยซองกาเรียและข้ามห้วยน้ำซองกาเรียเดินต่อมาจนถึงบริเวณที่ถูกจับกุมจาก คนนำพาจะกลับมา มีรถยนต์มารับ โดยปลายทางจะไปที่ จ.นนทบุรี กทม. จ.ราชบุรี จ.ปทุมธานี ,จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร

ทั้งนี้ แต่ละคนไม่ทราบว่าตนจะไปทำงานอะไรและใครเป็นนายจ้าง แต่ทราบเพียง จังหวัดที่จะไป นายหน้าฝั่งเมียนมาได้แจ้งไว้ เมื่อไปถึงปลายทางจะต้องเสียค่าจ้างในการนำพา รายละ 16,000บาท คิดตามระยะทางใกล้-ไกล ส่วนชาวโรฮิงญา ต้องการที่จะเดินทางต่อไปที่ประเทศมาเลเซีย จะต้องเสียค่าจ้าง 20,000 บาท

เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่ง สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีขยายผลตามกฏหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลค่าหัวนำพาคนต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศมีราคาที่สูงขึ้น นายหน้านำพาจึงเข้ากล้าเสี่ยงทำ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ เกือบทุกวันทางช่องทางธรรมชาติ