'จีน' ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ เปิดยุทธศาสตร์ปี 64

'จีน' ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ เปิดยุทธศาสตร์ปี 64

"จีน" วางเป้าเศรษฐกิจโตให้มากกว่า 6% ในปีนี้ สร้างแรงหนุนอันแข็งแกร่งจากความสำเร็จของการควบคุมโควิด-19 ลดการปล่อย CO2 ลงเป็นศูนย์ภายในปี 2603

การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) หรือ “ฉวนกั๋วเหรินต้า” ชุดที่ 13 ครั้งที่ 4 เปิดฉากขึ้นในวันนี้ (5 มี.ค.) ซึ่งเป็นการประชุมต่อจากประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) เมื่อวันที่ 3 มี.ค. รวมเรียกว่าการประชุมสองสภาประจำปี หนึ่งในวาระที่สำคัญที่สุดในปฏิทินการเมืองของจีน เพราะเป็นกลไกอำนาจรัฐสูงสุดในการผ่านกฎหมาย รับรองนโยบาย และกำหนดแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของจีน 

-เศรษฐกิจ

ปีนี้ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง กล่าวรายงานต่อที่ประชุมที่ประชุมสภา NPC ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน  เติบโตอยู่ที่ 6.0-6.5% ในปี 2562 สืบเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ และปัญหาหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงลิ่ว รวมไปถึงสถานการณ์โควิด-19

“ความพยายามเหล่านี้จะช่วยให้เราเริ่มต้นได้ดีในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2564 - 2568) และต้อนรับวาระครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยความสำเร็จในการพัฒนาอันโดดเด่น” หลี่กล่าว

- ความมั่นคง 

รัฐบาลจีนประกาศว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมในปีนี้อีก 6.8% แตะที่ 1.35 ล้านล้านหยวน (2.09 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งนับเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันที่งบประมาณด้านกลาโหมขยายในอัตราเลขหลักเดียว รายงานของรัฐบาลจีนระบุว่า งบประมาณด้านกลาโหมของจีนมีสัดส่วนเพียง 1 ใน 4 ของงบประมาณด้านกลาโหมของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 7.405 แสนล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2564 พร้อมทั้งระบุว่า ในฐานะที่จีนเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกและมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลกนั้น การใช้จ่ายด้านกลาโหมต่อหัวของประชากรจีนในปี 2564 จะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,000 หยวน

-หนึ่งประเทศสองระบบ 

นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนจะดำเนินการป้องกันและรับมือการเข้าแทรกแซงจากต่างประเทศในประเด็นที่เกี่ยวกับฮ่องกง ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากฝั่งตะวันตกถึงการที่จีนได้สร้างแรงกดดันต่อฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งรัฐบาลจีนจะปรับปรุงระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง

-กรีน คันทรี่

รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความพยายามเพื่อให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ (CO2) แตะระดับสูงสุดภายในปี 2573 และหลังจากนั้นจะลดการปล่อย CO2 ลงเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2603

"มนุษยชาติไม่อาจเพิกเฉยกับสัญญาณเตือนจากธรรมชาติได้อีกต่อไป และไม่อาจใช้ทรัพยากรโดยไม่มีการลงทุนเพื่อการอนุรักษ์ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรโดยปราศจากการฟื้นฟู ซึ่งจีนจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603 ซึ่งถือเป็นการผลักดันนโยบายการลดโลกร้อนที่มีความสำคัญมากที่สุดในรอบหลายปี" ปธน.สี จิ้นผิง ระบุ

นอกจากนี้ ผู้นำจีนกล่าวว่า จีนสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ก็จะช่วยให้ความร้อนทั่วโลกลดลงราว 0.2-0.3 องศาเซลเซียสในศตวรรษนี้