แม้ผันผวนจากผลตอบแทนพันธบัตร แต่หุ้นปันผลและกองรีทส์อยู่ในจุดที่น่าสนใจ

แม้ผันผวนจากผลตอบแทนพันธบัตร แต่หุ้นปันผลและกองรีทส์อยู่ในจุดที่น่าสนใจ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกดดันต่อหุ้นที่มี Valuation แพง

ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง หลังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวล ไม่มีการการส่งสัญญาณถึงนโยบายที่จะควบคุมการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ขณะเดียวกันการแสดงมุมมองว่าเงินเฟ้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากการเปิดเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพัธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี ที่ 1.56% ทั้งนี้ในทางการเงินผลตอบแทนพันธบัตรเป็นตัวสะท้อนอัตราการคิดลด (discounted rate) ในการประเมินมูลค่าหุ้น ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของตัวเลขดังกล่าวจะส่งแรงกดดันมากที่สุดต่อหุ้นในกลุ่มที่แพง หรือมูลค่าอิงจากการเติบโตในอนาคตในสัดส่วนที่สูง ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาด

ราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังโอเปคคงกำลังการผลิตถึงเม.ย.64 การตัดสินใจคงกำลังการผลิตของโอเปคถือว่าค่อนข้างผิดจากที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตามสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่าการคงกำลังการผลิตก็เพียงพอที่จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากอุปทานที่ตึงตัวในปัจจุบัน และจากกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวเย็นผิดปกติ ทั้งนี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 ที่ยังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง และโดดเด่นเมื่อเทียบกับผลขาดทุนในช่วงไตรมาส 1/63 จะยังทำให้หุ้นพลังงาน ปิโตรเคมี มีบรรยากาศการเก็งกำไรที่ดีในช่วง 1 เดือนข้างหน้า

หุ้นปันผลและกองรีทส์มีโอกาสฟื้นตัว แม้การพุ่งขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรจะเป็นลบกับราคาพันธบัตร และหลักทรัพย์ที่มีลักษณะคล้ายตราสารหนี้ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับที่ต่ำมากและการพุ่งขึ้นดังกล่าวไม่น่าเกินกว่าระดับ 2% ในเร็วๆนี้ จะทำให้หุ้นที่มีปันผลสูง มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น และผลตอบแทนจากเงินปันผลจะช่วยหักล้างผลกระทบจาก ความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้นเทียบพันธบัตร (Earnings yield gap) ที่ต่ำลง

แบ่งทำกำไรหุ้นแพง เก็งกำไรหุ้นที่มีการถือครองต่ำ หรือมีปันผล เรายังคงมุมมองบวกต่อภาพการลงทุน อย่างไรก็ตามในระยะสั้นนักลงทุนอาจเผชิญความผันผวนจากแรงทำกำไรและการหมุนกลุ่มหุ้นได้ เราคาดนักลงทุนสถาบันจะพยายามลดการถือครองหุ้นที่มีกำไรสูงที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไร ขณะที่อาจเห็นนักลงทุนสถาบันการเพิ่มน้ำหนักหุ้นในกลุ่มที่มีการถือครองต่ำ (underowned) เพื่อรับมือความผันผวน ซึ่งบวกกับกลุ่มการอพทย์และค้าปลีก

ตลาดเลือกเก็งกำไรรายตัว โดยธีมที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) กลุ่มท่องเที่ยว-ธนาคาร จากการผ่อนคลายเศรษฐกิจ และมาตรการออก REIT buy back เราชอบธนาคารที่ยัง Laggard อย่าง BBL, SCB, AWC, MINT, CPN, BDMS 2) กลุ่มเปิดเศรษฐกิจ บวกต่อ CPN, CRC, MAJOR, SPA, BDMS, M 3) ได้ประโยชน์จากเราชนะ TNP เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า 4) ไฟฟ้าชุมชน ยื่นซอง 22 มี.ค.-2 เม.ย. เรามองบวกต่อพลังงานทดแทน โดยเฉพาะ ETC และ ACE 5) Re-rating PTG 6) ปันผลและกองรีทส์ ADVANC, BTSGIF, CPNREIT, AIMIRT, FTREIT, EASTW, WHAUP, EASTW, TTW, TIP

ภาพรวมกลยุทธ์ แม้อาจมีความผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่ตามภาพระยะกลางยังคงมุมมองเชิงบวก คาดหุ้นปันผลสูง และที่มีการถือครองต่ำมีโอกาสเป็นแหล่งพักเงิน และเคลื่อนไหวดีกว่าตลาดในระยะสั้น// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร BTSGIF*, BDMS*, SUPER*, WHAUP*

แนวรับ 1,515 และ 1,530 / แนวต้าน : 1,565 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

ททท.วางแนวทางต่างชาติมี พาสปอร์ตวัคซีนเข้าไทยไตรมาส 3/64 พร้อมเร่งฉีดวัคซีนให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว เดินหน้ากระตุ้นไทยเที่ยวไทย สรุปแพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกันและทัวร์เที่ยวไทยเข้า ครม.สัปดาห์หน้า

AAV. ตั้งเป้าผู้โดยสาร 9.4 ล้านคน มั่นใจรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

SCB ปล่อยกู้ 1.5 พันล้าน. SCB ปล่อยกู้ PACE ลุยก่อสร้างโครงการนิมิตหลังสวน วงเงิน 1.5 พันล้านบาทตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ก่อนโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า มั่นใจ PACE เริ่มจ่ายเงินคืนแบงก์ 5 พันล้านบาทภายในปี 2565 ส่วนดีน แอนด์ เดลูก้า รอปรับโครงสร้างหนี้

ประเด็นติดตาม: - 5 มี.ค. : US employment report, 24 มี.ค. : ประชุม กนง.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)