นายกฯ บอก 'หน่วยราชการ' เราหัวอกเดียวกัน เข้าใจข้อติดขัดการบริหารงาน

นายกฯ บอก 'หน่วยราชการ' เราหัวอกเดียวกัน เข้าใจข้อติดขัดการบริหารงาน

'พล.อ.ประยุทธ์' ประชุม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า เน้นย้ำแก้ปัญหา 'โควิด-19'

4 มี.ค.64  ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ โดยก่อนการประชุม นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบของที่ระลึกให้กับนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดการประชุมว่า ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันได้บ่อยนัก ถือว่าพวกเราหัวอกเดียวกัน แม้นายกรัฐมนตรีจะอยู่ตรงนี้ก็ตาม แต่ก็เคยเป็นข้าราชการมาก่อน จึงรู้ดีถึงปัญหาและข้อขัดข้องที่เราดำเนินการ โดยเฉพาะการบริหารราชการแนวใหม่ เพราะรัฐบาลต้องขับเคลื่อนหลายอย่างด้วยกัน ดังนั้นจึงถือว่าวันนี้มาพบและพูดกับคนในครอบครัวว่าจะทำอย่างไรให้ครอบครัวใหญ่ของเราคือประเทศไทย มีความอยู่ดีกินดี ก้าวหน้าแก้ปัญหาอุปสรรคข้างหน้าในสิ่งใหม่ๆ เพื่อเป็นอนาคตของพวกเราทุกคน ทั้งนี้ ทุกคนทราบดีถึงสถานการณ์ต่างๆอยู่แล้ว ทั้งนอกและในประเทศ และครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปี

 ก่อนอื่นขอพูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขอบคุณส่วนราชการทุกแห่งที่ร่วมมืออย่างเต็มที่ในการรับมือการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และมีผลสำเร็จตามลำดับจนสามารถควบคุมได้ สถิติผู้ติดเชื้อลดลง ซึ่งเป็นการดีที่จะทำให้เศรษฐกิจต่างๆดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึง ได้มอบหมายให้ทางศูนย์ บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พิจารณาเพิ่มเติมแล้ว ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างเคลื่อนไหวได้ในทางที่จะทำให้เกิดผลดีต่อประชาชนโดยตรง ส่วนเรื่องของวัคซีนวันนี้มีข่าวจากหลายทางด้วยกัน ทั้งดีและไม่ดี ชมและไม่ชม หรือมีทั้งส่วนที่ไม่ชมแล้วแช่ง ดังนั้นเราต้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต


ผมเองไม่ได้ต้องการผลประโยชน์จากใครทั้งสิ้น วันนี้สิ่งที่ทำก็ทำตามขั้นตอนและแนวทางการพิจารณาของบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข ซึ่งไทยมีชื่อเสียงในระดับต้นๆของโลก ดังนั้นจึงต้องฟังเขา ไม่เพียงเฉพาะแต่ข้าราชการในปัจจุบัน แต่ยังต้องรวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตแพทย์ อดีตอธิบดี ที่เกี่ยวข้องต่างๆนำหลักการมาพิจารณาให้เกิดความเหมาะสม เกิดความปลอดภัย และหลังจากที่เราเริ่มฉีดวัคซีนแล้วรู้สึกว่าสังคมดีขึ้น มีความหวังที่จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดลดลง แต่ยังคงไม่หมดสิ้นไปจากโลก เพราะขณะที่ไทยมีสถิติลดลง แต่ต่างประเทศก็ยังเพิ่มขึ้น ก็ต้องมาดูที่สาเหตุ ซึ่งแม้จะมีวัคซีนแต่ก็ฉีดไม่ได้เพราะประชาชนไม่สมัครใจ ในหลายประเทศซึ่งมีวัคซีนพร้อม แต่มีประชาชนมากกว่าร้อยละ 50 ไม่สมัครใจที่จะฉีด นั่นก็คือสิ่งที่เป็นประเด็น”