“เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น” กลุ่มอาหารสัตว์พาเติบโต

“เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น”  กลุ่มอาหารสัตว์พาเติบโต

เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีอัตราการเติบโตระดับสูงมาก! ผลักดันให้บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIANผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่ายและส่งออกมีผลประกอบการปี 2563 เติบโต“สูงสุด” นับตั้งแต่ก่อตั้ง

โดยมีกำไรสุทธิจำนวน818 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 515% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 133 ล้านบาทและมีรายได้ 8,645 ล้านบาท

ขณะที่ “กำไรขั้นต้น” อยู่ที่ 1,393 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 652 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 16% ซึ่งทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการเฉกเช่นกัน เทียบกับปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8% เนื่องจากยอดขายกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงสูง และมีอัตรากำไรที่แข็งแกร่งขึ้นมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง แม้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น

“เอกกมล ประสพผลสุจริต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือASIAN บอกว่า สำหรับแผนธุรกิจปี 2564 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 8-10% จากปีก่อน มาจากการขยายตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์น้ำเป็นสำคัญและคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ระหว่าง14-15%

โดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (PET FOOD BUSINESS) ยังเติบโตได้จากการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ทั้งในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและแบบเม็ด ซึ่งในปีที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ออกใหม่มากกว่า 250 รายการ และปีนี้ก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก จากแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ยังมีความไม่แน่นอนหากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ยังคงไม่คลี่คลายบริษัทคาดว่าค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าเกือบตลอดทั้งปีเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งอุตสาหกรรมสัตว์น้ำโดยเฉพาะการทำฟาร์มกุ้งในประเทศยังคาดว่าจะเติบโตได้ราว 15% ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์น้ำภายในประเทศ ตลอดจนปริมาณและราคาวัตถุดิบกุ้ง ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตต่อ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ

ทั้งนี้ จากความสำเร็จของการเติบโตก้าวสำคัญของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และอัตรากำไรที่ปรับสูงขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจในปีที่แล้ว สวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม  ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ จากการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก

แผนการลงทุนในปี 64 บริษัทคาดว่าจะใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนในการเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า 300 ล้านบาท งบลงทุนเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต 70 ล้านบาท และงบลงทุนในการขยายระบบ ERP รองรับทุกธุรกิจ 30 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต

อีกทั้งบริษัทจะมุ่งเน้นการทำการตลาด ส่งเสริมการขายอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ของตนเอง ภายใต้ตราสินค้า ‘มองชู’ (monchou)และล่าสุด ‘ฮาจิโกะ’ อาหารสุนัขราคาย่อมเยาว์ ที่เปิดตัวไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมาให้ติดตลาดทั้งไทยและจีน และมียอดขายเพิ่มมากขึ้น ทำให้โดยรวมคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะมีรายได้เติบโตไม่เกิน 10% หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 38-40% ของรายได้รวม

ส่วนธุรกิจอาหารแช่แข็ง โดยเฉพาะกลุ่มของทอดแช่เยือกแข็ง หรือ ผลิตภัณฑ์ Pre-fried ก็อยู่ระหว่างเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันกำลังการผลิตที่ 7,800 ตันต่อปี ค่อนข้างเต็มแล้ว จึงมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 2,000 ตันต่อปี รองรับการเติบโตของลูกค้าเดิม ขณะที่ธุรกิจทูน่าปีนี้คาดว่าน่าจะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน จากข้อจำกัดในเรื่องของแรงงาน ขณะที่อาหารสัตว์น้ำ คาดว่าจะเติบโตได้ค่อนข้างดีด้วย