‘ทักษิณ’ ชี้หากนักท่องเที่ยวตปท.ไม่มา โอกาสเห็นจีดีพีปีนี้โต 2.5%ยาก!

‘ทักษิณ’ ชี้หากนักท่องเที่ยวตปท.ไม่มา โอกาสเห็นจีดีพีปีนี้โต 2.5%ยาก!

Clubhouse คึกคัก หลัง “โทนี่” หรืออดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร ออกโรงพูด ในหัวข้อสัมมนา “SMEs มีปัญหาปรึกษาพี่โทนี่” โทนี่ย้ำ หากไม่เปิดรับท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวไม่มา แนวโน้มเศรษฐกิจไทยโตระดับ 2.5% ยาก แนะต้องเปิดประเทศ หนุนคนมีรายได้เพิ่ม

โซเชียลร้อนทันที อดีต นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หรือที่ใช้ในนามแฝง แทนตัวเองว่า “Tony Woodsome"กลับมาสร้างความฮือฮาใน Clubhouse คลับเฮาส์ ในห้อง CARE คิด เคลื่อน ไทย ในหัวข้อสนทนา “SMEs มีปัญหาปรึกษาพี่โทนี่” ซึ่งห้องเต็มทันทีตั้งแต่ถึงเวลาเปิดห้อง 21.30 น.

ในหัวข้อสนทนา “ทักษิณ” หรือ Tony มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ มองหว่าหากนักท่องเที่ยวไม่เข้ามา จะหวังเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีโตระดับ 2.5% เป็นไปได้ยาก

"...ผมมองว่ามีแนวโน้มไม่ถึง ซึ่งสิ่งที่ต้องเร่งทำคือ ต้องเปิดประเทศ ต้องให้คนทำมาหากินได้มากกว่านี้ สิ่งที่สำคัญรัฐบาลมีหน้าที่สร้าง economic activity ให้กิจกรรมในประเทศเพิ่มขึ้น เพราะทุกวันนี้ทุกคนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นรายได้ต้องเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่ใช่ลดลง"

คำถามถัดมา ธุรกิจที่จะอยู่รอด หลังโควิด-19 จะเป็นไปในทิศทางไหน?

Tony ชี้ให้เห็นว่า โควิด-19 ได้เข้ามาสร้างบทเรียนให้คนหลายอย่าง อันแรกด้านสุขภาพ ทำให้คนรักด้านสุขภาพมากขึ้น ให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี กินอาการที่เหมาะสม เรื่องสุขภาพต้องมาก่อนอันดับแรก

ถัดมา ห้างสรรพสินค้าต่างๆคนละลดลง ยังอยู่รอด แต่ไม่เหมือนเดิม คนจะหันไปออนไลน์มากขึ้น ช้อปปิ้งออไลน์ สั่งอาหารออนไลน์

ดังนั้นหากเปิดร้านอาหาร แล้วไม่ทำออนไลน์จะแย่ รวมถึงคนจะเรียนรู้ที่จะทำงานอยู่บ้านมากขึ้น ที่มาจากโควิด-19 ที่ทำให้คนเคยชินทำงานอยู่บ้านมากขึ้น      

นอกจากนี้ โครงสร้างการเรียนการสอน ที่จะเปลี่ยนไป ต่อไป มหาวิทยาลัยต่างๆคนจะลดลง นักเรียนจะน้อยลง ทั่วโลกกำลังแก้ระเบียบการเรียนการสอน จะเห็นการเรียนจากบ้านมากขึ้น

การทำธุรกิจสมัยคุณโทนี่ ไม่มีเงินแล้วตั้งธุรกิจมาได้อย่างไร?

เริ่มแรกตอนเข้ามากรุงเทพ ฯไม่มีเพื่อน จึงขึ้นแชร์ คล้ายกับคราวด์ฟันดิง ได้แชร์ 5 มือ เริ่มต้นมาจากเงิน 5 หมื่นบาท ค่อยๆสร้างเพื่อน สร้างประสบการณ์ สร้างความคิด จำนองทุกอย่างจนไม่มีอะไรเหลือ

“หลักการขอผมเหมือนเล่นการพนัน แต่ต้องเป็นความเสี่ยงที่คำนวณได้ หากคำนวณไม่ได้ไม่เอา หากเสีย 100 ไปแทง 10 เมื่อไหร่จะได้คืน ดังนั้นหากเรามีหนี้ไปทำเล็กๆเมื่อไหร่จะลดหนี้ได้ และเมื่อล้ม ภาษาพระบอกว่าต้องรู้จักปล่อยวาง ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้แบก เวลาจะนอนอย่าแบกปัญหาไว้ เพราะจะนอนไม่หลับ พรุ่งนี้สมองเสื่อม เวลาผมขึ้นศาลฯ วันนี้ผมหลับสบาย พรุ่งนี้ลืมตาค่อยคิด ผมทำแบบนี้ตลอด และผมเป็นคนปล่อยวางได้ เวลาทำงานเรื่องใหญ่ จะใช้สมาธิ และที่ปรึกษาผมที่ดีที่สุด คือ คุณหญิง “พจมาน ชินวัตร” ที่เป็นหลังบ้านที่ดี”

โทนี่ ยกตัวอย่างให้เห็นถึงการทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จได้ สิ่งสำคัญที่ต้องมี คือ เรื่องเงินต้องมีความโปร่งใส หากคิดจะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) การโปร่งใสทางบัญชีสำคัญสุด ต้องซื้อของ จำนวนมหาศาล การคำนวนต้นทุนสำคัญสุด

และต้องโปร่งใส ไม่งั้นคนจะไม่เชื่อมั่นในหุ้นเรา ที่ผมระวังสุดคือ หากเราโกงบริษัท ลูกน้องต้องโกงเราได้ หากเป็นเอสเอ็มอีต้องเริ่มทำบัญชี บัญชีจะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าธุรกิจเราจะเป็นอย่างไร

“สมัยทำงานผมไม่เคยเลื่อนจ่ายเงินเดือน เราจนก็อย่าให้เขาจนด้วย พนักงานจะไม่รู้สึก อย่าให้รู้สึกแย่ เราให้รู้แค่ลูกเมียกับเจ้าหนี้พอ” และต้องมองอนาคตหากเราจะเลี้ยงพนักงานไว้ได้หรือไม่ หากเขาเป็นเฟอรารี่ แต่เราเป็นถนนลูกรัง อย่าเก็บเขาไว้ขายไปดีกว่า ต้องดูว่าธุรกิจเราเป็นอย่างไร และที่ต้องทำคือต้องรีสกีล อัพสกีล ปรับความชำนาญใหม่ ไม่งั้นโรบอทมาไล่ที่หมด”

ก่อนเข้าตลท. ทำอย่างไรให้โปร่งใสในสายตานักลงทุน?

อย่างแรก ยอมรับว่าเอาเงินไปใช้ผิดประเภทเท่าไหร่ กว่าจะเข้าตลาดได้ ก่อนเข้า ก็เอาหุ้นที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน ไปวาง เพื่อเอาเงินมาคืนบริษัทเพื่อเคลียร์บัญชี ให้เรียบร้อย และเพิ่มทุนจาก 20ล้านเป็น 2พันล้าน เอาเงินเข้าบริษัททุกอย่าง และทำให้คลีนต่อไป หุ้นเราก็จะดี เรายอมรับผิด เอาเงินมาคืน จะได้จบ เพราะเราเป็นหนี้เยอะ เริ่มต้นด้วยการไม่มีอะไร

อีกด้านที่สำคัญ ผมเป็นคนไม่หยุดนิ่ง เห็นใครมีศักยภาพก็ปรับขึ้นมา องค์กรก็ต้องปรับตลอด เพื่อให้คนตื่นตัว สมัยก่อน AIS เป็นเบอร์หนึ่งมาตลอด วันหนึ่งกลายเป็นเบอร์สอง แพ้ดีแทค เลยไปหาคำตอบว่าแพ้ได้อย่างไร ปารกฏว่า เพราะไป Recruit คนจากรัฐวิสาหกิจมาเยอะ จนทำให้งานมีอุปสรรคมาก มีระเบียบมากมาย จนผมสั่งขึ้นมา หากใครทำผิดระเบียบ แต่เป็นประโยชน์กับบริษัทมีรางวัล เพื่อทำให้ระเบียบเหลือน้อยที่สุด และเราเปลี่ยนระบบการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ จัดให้บริษัทต่างๆมาแข่งขันกัน แปบเดียวก็แซงขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งได้!

ถามว่า จะเริ่มทำธุรกิจเอสเอ็มอีจะต้องทำอย่างไร?

สิ่งแรก คือการไปทบทวนตัวเองทุกคนว่า ไอเดียที่ทำธุรกิจนี้ใช่หรือไม่ และบิสเน็ตโมเดลถูกหรือไม่ ตรงนี้สำคัญกว่าเงิน เอาเงินกู้มาก็เป็นการเพิ่มต้นทุน เดี๋ยวก็หมด ดังนั้นเรื่องเงินพักไว้ก่อน เอาไอเดียก่อนว่าไอเดียถูกหรือไม่

“ทำมาหาเงินอะไร เราต้องมีสติ อย่าหลงไอเดียของเราเอง ปล่อยวางให้ได้ ว่าสิ่งที่เราอยู่ทำเงินจริงหรือไม่ และเราจะปรับโมเดลใหม่ได้หรือ มีครีเอทมากพอหรือไม่ หากเป็นไปได้ต้องเอาเทคโนโลยีมาใช้ด้วย เพราะโลกต่อไป 80% จะไม่สัมผัสโดยตรง จะสัมผัสทางดิจิทัลหมด หากได้ไอเดีย เงินเท่าไหรก็กู้ หลักการง่ายๆดูว่าไอเดียดีหรือไม่ เริ่มแรกอาจเซอร์เวย์จากคนข้างๆจากเพื่อน อย่าเชื่อตัวเอง ต้องเรียนการปล่อยวางให้ได้”

อีกด้านที่สำคัญ ของหลักการในการประสบความสำเร็จได้ ต้องดูว่า ไอเดียที่ทำเรา แหวก หรือแตกต่างหรือไม่ เพราะแอปฯที่เกิดขึ้น และรวยได้บนโลกนี้ ส่วนใหญ่เพราะมีความคิดต่างๆ ผมชอบที่จะพบปะผู้คน อันนี้ทำให้เราได้มีความคิดวิสัยทัศน์ใหม่ๆได้ และฟังให้เยอะ เช่นงานสัมมนาต่างๆ ไม่งั้นเราจะจมกับเรื่องเก่า มันแหวกไม่ไหว!

หลักการของการประสบความสำเร็จได้ อีกด้านอาจต้องเริ่มสร้างธุรกิจด้วยความคิดใหม่ จากการศึกษาจากต่างประเทศต่างๆ หากเราจะบอกว่า จะทำธุรกิจเดิมๆ เปิดอาหาร เสื้อผ้า เหล่านี้มีแต่คนทำ จะขายลำบาก

ดังนั้นต้องครีเอท สองทำเรื่องเก่าให้เป็นเรื่องใหม่ เอาเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ใหม่ขึ้น เช่นการเกษตร ต่อไปใช้โรบอท AI ในการทำธุรกิจแนวใหม่มากขึ้น

“การสร้าง Culture organization เริ่มที่หัวหน้าองค์กร ผมทำตัวติดดิน ผมเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่ในองค์กร เราต้องสนับสนุนคนเก่ง คนเก่งจะถูกผลักดันให้ก้าวกระโดดเพื่อไปพัฒนาองค์กร ส่วนคนดี ที่ซื่อสัตย์ก็เอาออกไม่ได้ แต่เป็นผู้บริหารไม่ได้ ทุกคนคือลูกค้าเราต้องยุติธรรม”

หากเป็นนายกรัฐมนตรี จะสนับสนุน ส่งเสริมสตาร์ทอัพอย่างไร? และการสนับสนุนเทคโนโลยีอวกาศมนโยบายอย่างไร

โทนี่เล่าให้ฟังว่า เทคโนโลยีด้านอวกาศเป็นสิ่งที่ฮิตมากในปัจจุบัน แต่เราคงไม่มีทุนมากเพียงพอในการส่งดาวไปดวงจันทร์ อังคารต่างๆ แต่หากให้ยกตัวอย่าง เราก็อาจมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนไปได้ เช่น เราอาจมาดูว่าเราสามารถผลิตอะไรที่เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องกับอวกาศได้หรือไม่

และหากเป็นนายก จะขับเคลื่อนสตาร์ทอัพอย่างไร วันนี้เห็นสตาร์ทอัพ มีไอเดียใหม่มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบใหม่ๆมากขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยเมืองนอก เพื่อให้เราสามารถยืนบนลำแข่งตัวเองได้ ดังนั้นรัฐควรส่งเสริมสตาร์ทอัพ

เช่นการประกวดไอเดีย ต่างๆ หากจำได้ สมัยก่อนสมัยยิ่งลักษณ์ เคยส่งเสริมให้เกิด สตาร์ทอัพหรือผู้ประกอบการระดับมหาวิทยาลัย โดยให้ทุนในมหาลัย เพื่อให้อาจารย์ลูกศิษย์สามารถทำสตาร์อัพร่วมกันได้ เพื่อให้ได้แนวคิดใหม่ๆ ดังนั้นรัฐควรดำเนินการเรื่องนี้ต่อ