เน้นเลือกหุ้นที่ยังขึ้นน้อยหรือมีธีมลงทุน ผสมกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ

เน้นเลือกหุ้นที่ยังขึ้นน้อยหรือมีธีมลงทุน ผสมกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ

ตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว

การรายงานตัวเลขการผลิตของประเทศต่างๆ ยังส่งสัญญาณยืนยันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น PMI ภาคการผลิตยุโรป และสหรัฐฯ ที่สูงสุดในรอบ 3 ปี, ขณะที่ตัวเลขภาคการผลิต (HIS Manufacturing) ของไต้หวันและเกาหลีใต้ ยังคงปรับขึ้นจากม.ค.64 ยืนยันถึงภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน โดย Valuation ที่แพงของหุ้นส่วนใหญ่มาจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของงบไตรมาส 1/63 ซึ่งหลังงบไตรมาส 1/64 ค่า trailing PER ของหุ้นไทยจะปรับลดลงราว 30% หรือจาก 37.66 เท่าในปัจจุบัน เหลือ 25-26 เท่า หรือหากมอง PER จากคาดการณ์กำไรปี 2564 (forward PER) ขะอยู่ที่ราว 19 เท่า ดังนั้นหากไม่เกิดการสะดุดของผลประกอบการอย่างรุนแรง เราคาดตลาดจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างฉับพลัน

การเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรไม่น่ากังวลหากกำไรบจ.ยังแข็งแกร่ง ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธับตรสหรัฐฯ อยู่ที่ราว 1.50% และเริ่มปรับตัวสูงขึ้นกว่าผลตอบแทนเงินปันผลของ S&P500 ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก โดยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา สถานการณ์เร่งตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรเคยเกิดขึ้นในช่วง ครึ่งหลังปี 2556 และช่วงปลายปี 2559 ซึ่งตามมาด้วยตลาดกระทิงที่กินเวลาต่อมาอีกราว 1-1.5 ปี โดยปัจจัยสำคัญที่ทำมห้ตลาดชะลอมักจะเป็นการแตะเบรคจากทางธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังเศราฐกิจส่งสัญญาณดีขึ้น จนเงินเฟ้อเริ่มแตะระดับที่ทำให้เฟดกังวล (ซึ่งใน 2 รอบที่ผ่านมา คือ 3%) ดังนั้นสถานการณ์ในปัจจับันที่เฟดแสดงความกังวลถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ มากกว่าราคาหุ้นสูงเกินไปรึเปล่า จึงเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่ทำการลดสภาพคล่องในระบบในช่วงเร็ววันนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกกับการลงทุน

ตลาดเลือกเก็งกำไรรายตัว โดยธีมที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) กลุ่มท่องเที่ยว-ธนาคาร จากการผ่อนคลายเศรษฐกิจ และมาตรการออก REIT buy back อาจส่งผลบวกต่อการบริหารสภาพคล่องและการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน ซึ่งในกลุ่มนี้ เราชอบธนาคารที่ยัง Laggard อย่าง BBL, SCB, AWC, MINT, CPN, BDMS 2) กลุ่มเปิดเศรษฐกิจ บวกต่อ CPN, CRC, MAJOR, SPA, BDMS, M 3) ได้ประโยชน์จากเราชนะ TNP เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า 4) ไฟฟ้าชุมชน ยื่นซอง 22 มี.ค.-2 เม.ย. เรามองบวกต่อพลังงานทดแทน โดยเฉพาะ ETC และ ACE

ภาพรวมกลยุทธ์ แม้อาจมีความผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่ตามภาพระยะกลางยังคงมุมมองเชิงบวก ทั้งนี้ผลตอบแทนพันธบัตรที่อ่อนลงคาดส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของกลุ่ม yield play และหุ้นหรือกองทุนปันผล ขณะที่ระวังความผันผวนหุ้นพลังงานจากประชุมโอเปค 4 มี.ค.และ PMI จีนที่ชะลอตัวลง// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร CPN*, MAJOR*, BDMS*, TWPC*

แนวรับ 1,490 / แนวต้าน : 1,511-1,528 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงาน ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.9

ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจฟื้น ยกเว้นกลุ่มยานยนต์. ธปท.เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 45.6 จาก 44.2 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิต ยกเว้นกลุ่มผลิตยานยนต์ที่ความเชื่อมั่นลดลงมากจากการผลิตและคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอลง

คลังเตรียมชง ครม. เพิ่มงบเราชนะ. คลังเล็งขอ ครม.อนุมัติงบโครงการ “เราชนะเพิ่ม หลังประเมินมีจำนวนผู้ใช้สิทธิถึง 32 ล้านคน จากเป้าหมายเดิม 31.1 ล้านคน เผยยอดใช้จ่ายเราชนะช่วงวันหยุดพุ่ง 2.16 หมื่นล้านบาท หนุนเม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจ 6.68 หมื่นล้านบาท

PTT-GULF. เตรียมเซ็นต์สัญญารับงานแหลมฉบังเฟส 3 มูลค่า 8.4 หมื่นล้านบาท หลังยอมอัราผลตอบแทนให้รัฐเป็น 29,050 ล้านบาท ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า บอร์ด EEC ยอมรับราคาแล้ว เตรียมชง ครม. พร้อมเร่งทำร่างสัญญาส่งอัยการก่อนนัดเอกชนลงนาม

ประเด็นติดตาม: - 3 มี.ค. : Chinese composite PMI เดือน ก.พ. / 4 มี.ค. : US beige book, TH consumer confidence เดือน ก.พ., OPEC meeting, US initial jobless claims / 5 มี.ค. : US employment report

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)