อสังหาฯรับกระแสวัคซีน ลุยขาย-เปิดโครงการใหม่

อสังหาฯรับกระแสวัคซีน  ลุยขาย-เปิดโครงการใหม่

ผู้ประกอบการคอนโด-บ้าน ลุยโครงการใหม่รับกระแสวัคซีนโควิด ‘รีสแลนด์’ เปิดเฟสใหม่ทาวน์เฮาส์ราคา 3 ล้าน ย่านพระราม 2 พร้อมลุยขายเดอะ ลิฟวิ่ง รามคำแหง หวังดันยอดขายปีนี้โต10% ด้าน ‘ลลิล’ เปิดตัว 10-20โครงการ คาดยอดขาย 7,000 ลบ.

นายเนี่ย ซงเซียน ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าบริษัทยังคงเดินหน้าเปิดเฟสใหม่ในแต่ละโครงการที่มีอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น โครงการเลค ซีรีน พระราม 2 ที่ขยายเฟส 4 ในรูปแบบทาวน์โฮม ราคา 3 ล้านบาท เพื่อทดลองตลาดรองรับกลุ่มลูกค้ากลุ่ม affordable Segmen ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงและราคาไม่แพง หากผลตอบรับดีจะขยายเฟสใหม่หรือลงทุนโครงการใหม่ต่อไป

“แผนการของริสแลนด์แต่ละปีจะเปิดอย่างน้อย 2-3 โครงการ มูลค่าโครงการขึ้นต่ำ 5,000-6,000 ล้านบาท แต่การที่โควิด-19 ยังคงอยู่ จึงให้ความสำคัญกับการศึกษาและวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยเฉพาะเรื่องราคา ทำเลที่ตั้ง และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป”

ขณะเดียวกันพยายามผลักดันยอดขายเดอะ ลิฟวิ่น รามคำแหง ซึ่งปิดยอดขายได้แล้วกว่า 1,300 ล้านบาท หรือ 565 ยูนิต หลังเปิดขาย 5 เดือน เป็นโครงการที่ทำยอดขายได้มากที่สุดในย่านรามคำแหง ด้วยจุดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งใกล้สถานี อินเตอร์เชนจ์ ลำสาลี ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเอ็มอาร์ที 3 สาย แค่ 100 เมตร และราคาเริ่มต้น 1.6 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้น 1,000 บาท/เดือน คาดว่า ปีนี้ขายได้อีก 1,000 ล้านบาท และจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรก ปี 2567

สำหรับผลการดำเนินการริสแลนด์ปี 2563 ปิดยอดขายกว่า 7,400 ล้านบาท จากคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มิกซ์ยูส 2 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โดยการปรับกลยุทธ์มาเน้นการขายการตลาดออนไลน์มากขึ้น ส่วนปีนี้คาดว่ายอดขายจะโต 10%

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ปีนี้จะเติบโตจากปีที่แล้วที่ตลาดหดตัวแรง โดยบ้านเดี่ยวลดลง 19% บ้านแฝด 18% ทาว์นเฮาส์ 29% และคอนโด 2%

“เศรษฐกิจโดยรวมปีนี้น่าจะขยายตัวประมาณ 3% ขึ้นกับการกระจายวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างทำได้รวดเร็วเพียงใด และจะทำให้อสังหาฯเติบโต โดยเฉพาะแนวราบที่คาดว่าจะโต 5-7%”

ทั้งนี้แม้อสังหาฯ จะยังต้องเผชิญปัจจัยลบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กำลังซื้อที่ยังอ่อนตัว หนี้ครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้น ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่มาตรการภาครัฐที่ต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทถึงสิ้นปี 2564 รวมถึงสินค้าแนวราบยังได้รับปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมของลูกค้า ที่เปลี่ยนจากที่อยู่อาศัยแนวสูง เพื่อตอบโจทย์วิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป จะผลักดันให้ตลาดขยายตัว

ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมเปิดโครงการใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 6,000-7,000 ล้านบาท โดยเตรียมงบในการซื้อที่ดิน 1,000-1,200 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และจะขยายตลาดกลุ่มราคา 5-8 ล้านบาท และ 8-12 ล้านบาท เพราะลูกค้าเซกเมนต์นี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากโควิด-19 ส่วนภาพรวมปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขาย 7,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาท