เซ็นทรัลเร่งสปีดลงทุน1.8หมื่นล้านฟื้นรายได้โต10%
ดันเรือธงกลุ่มแฟชั่น ฟู้ด ฮาร์ดไลน์ ขยายรูปแบบร้านใหม่ เดินหน้าปรับโครงสร้าง “บิ๊กดาต้า” ครั้งใหญ่ดึงพันธมิตรเสริมแกร่ง หนุนต่อยอดฐานลูกค้าลอยัลตี้ 24 ล้านคน เชื่อม “โมบายแพลตฟอร์ม” สร้างประสบการณ์ชอปปิงไร้รอยต่อ มั่นใจดันรายได้ปีนี้โต 10%
ปัจจัยบวกจากวัคซีนโควิด-19 ส่งผลความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นโอกาสสำคัญในการเร่งเครื่องฟื้นตลาดของผู้ประกอบการค้าปลีกที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยจากวิกฤติโควิดในปี 2563 ที่มีการ “ล็อกดาวน์” ต้องปิดบริการห้างร้านค้าปลีกต่างๆ ชั่วคราวเกือบ 2 เดือนในปีที่ผ่านมา ขณะที่การแพร่ระบาดรอบสองช่วงต้นปีนี้ส่งผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกในไทยและต่างประเทศ กล่าวว่า ปี 2564 ยังเป็นปีที่มีความท้าทาย แต่ เซ็นทรัล รีเทล ยังคงมุ่งขยายธุรกิจให้เซ็นทรัลรีเทลมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจัดสรรงบประมาณกว่า 18,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนเชิงรุกเพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตมากกว่า 10% ในปีนี้
ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล วางทิศทางในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาอีโคซิสเต็มมุ่งสู่ “New Central Retail Lifestyle & Food Platform” ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์หลัก “New Central, New Retail” ผลักดันองค์กรเป็น ศูนย์กลางชีวิตของผู้คน (Central of Life) ซึ่งจะมีการต่อยอดธุรกิจในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการปรับปรุง และขยายรูปแบบร้านใหม่ในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งกลุ่มแฟชั่น ฟู้ด และฮาร์ดไลน์ ให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างประสบการณ์ออมนิแชแนลใหม่ๆ (Omnichannel Experience) ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
“เซ็นทรัลโมบาย”อาวุธรุกตลาด
เซ็นทรัลรีเทล ได้มีการพัฒนาและเปิดตัว “CENTRAL” โมบายแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อทุกกลุ่มธุรกิจเข้าด้วยกัน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำตลาดเชิงรุกเข้าถึงลูกค้าในยุคดิจิทัลที่ต้องการซื้อสินค้าและบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา ภายใต้ความได้เปรียบจากความหลากหลายของกิจการค้าปลีกในเครือ ฐานลูกค้า “เดอะวัน” และพันธมิตรธุรกิจต่างๆ
"เราจะมีการปรับโครงสร้าง บิ๊กดาต้า (Big Data) ครั้งใหญ่ของฐานลูกค้าลอยัลตี้ (Loyalty) ที่มีอยู่ในระบบถึง24ล้านคน ด้วยการสร้าง Hyper-personalization Offer"
แพลตฟอร์มใหม่นี้รวบรวมสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล มาไว้ในที่เดียว เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มสินค้า โดย CENTRAL โมบายแพลตฟอร์ม ขณะนี้มียอดผู้ใช้บริการกว่า 2 ล้านราย หลังเปิดตัวมาได้เพียง 2 เดือน
ผนึกพันธมิตรเสริมแกร่งอีโคซิสเต็ม
พร้อมกันนี้ ได้ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายแขนง เป็นการติดอาวุธให้ เซ็นทรัล รีเทล มีความแข็งแกร่งทั้งอีโคซิสเต็ม โดยร่วมมือกับ เจดี เซ็นทรัล มาร์เก็ตเพลส (JD Central Marketplace) และ เจดี ดิจิทัล (JD Digital) สร้างบริการการจ่ายเงินแบบดิจิทัลและโซลูชั่นด้านธุรกรรมทางการเงิน (DOLFIN) และ แกร็บ ทำควิกคอมเมิร์ซ (Quick Commerce) ให้บริการออนดีมานด์
เริ่มจากบริการการสั่งอาหารและ ท็อปส์ โกรเซอรี่ (Tops Grocery) ผ่านแอพพลิเคชัน มีการตอบรับที่ดีและได้ขยายไปยังกลุ่มสินค้าอื่นๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อตอบสนองความต้องการแบบ On-demand ให้ครบทุกกลุ่มสินค้าทั่วประเทศ
ที่ผ่านมา เซ็นทรัลรีเทลได้เข้าซื้อกิจการเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มฮาร์ดไลน์ โดยใช้งบกว่า 12,000ล้านบาท ซื้อกิจการออฟฟิศเมท, บีทูเอส และ เมพ(ร้านอีบุ๊ค) รวมไปถึงแพลตฟอร์มออมนิแชแนลสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B Omnichannel Platform) ล่าสุดเปิดตัวแฟลกชิพสโตร์ “บีทูเอส ธิงค์สเปซ” คอนเซปต์สโตร์รูปแบบใหม่ ที่เซ็นทรัล ชิดลม
ขณะที่ ไทวัสดุ ภายใต้กลุ่มฮาร์ดไลน์ จากการดำเนินธุรกิจมาเพียง 11 ปี ขณะนี้้ก้าวขึ้นเบอร์หนึ่งในเรื่องของรายได้ และเบอร์หนึ่งของออมนิแชแนลด้านค้าปลีกวัสดุตกแต่งบ้าน (Omnichannel Home Improvement Retailer) ซึ่งปีที่ผ่านมาทำรายได้รวมเกือบ 28,000 ล้านบาท วางแผนเร่งเครื่องขยายเครือข่ายธุรกิจทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขายขึ้นอีกเท่าตัวภายใน 3-5 ปี
ชูเรือธง‘ฟู้ดเดสทิเนชั่น’
นายญนน์ กล่าวต่อว่า เซ็นทรัลรีเทลยังได้ยกระดับและเร่งขยายสาขาธุรกิจกลุ่มฟู้ด เพื่อสร้างประสบการณ์ให้เป็นแหล่งรวมอาหาร หรือ ฟู้ดเดสทิเนชั่น (Food Destination) นับเป็นเรือธงทั้งในไทยและเวียดนาม โดยมีการปรับสาขาลาดพร้าวให้เป็น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และปรับสาขาเวสต์เกตและศาลายา อย่างต่อเนื่อง
ในประเทศเวียดนาม เน้นธุรกิจฟู้ดและศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ Big C/GO! ทั้งได้เปิดตัวรูปแบบธุรกิจและช่องทางที่หลากหลายต่างๆ (Multi-format) นำความสำเร็จของ ท็อปส์ มาร์เก็ต ไปเปิดที่เวียดนาม และขยายซูเปอร์มาร์เก็ต go! ไปยังจังหวัดรอง เพื่อให้ครอบคลุมทั้งประเทศเวียดนามภายใน 5 ปี ซึ่งขณะนี้ เซ็นทรัล รีเทล ครองพื้นที่มากกว่า 30 จังหวัดหลักในเวียดนาม ที่มีสัดส่วน 85% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศเวียดนาม
“เวียดนาม มีศักยภาพของธุรกิจฟู้ดและศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ มากกว่าประเทศไทยถึง 2 เท่า สอดรับแผนเชิงรุกที่จะมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในเวียดนาม”
ปรับตัวแบบวีเชฟ
อย่างไรก็ดี การขับเคลื่อนธุรกิจของ เซ็นทรัล รีเทล ฝ่าวิกฤติโควิดที่ผ่านมา ได้ปรับตัวแบบ “V-shape” ตั้งแต่ไตรมาส 3 เทียบไตรมาส 4 ปี 2563 สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 51,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ทำกำไร 1,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%
ปี 2563 เซ็นทรัล รีเทล ปิดรายได้รวม 194,311 ล้านบาท ลดลง 13% มีกำไรสุทธิ 341 ล้านบาท ลดลง 97% ขณะที่ช่องทางออมนิแชแนล ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายเกือบ 10% เติบโต 180%
ปัจจุบัน เซ็นทรัล รีเทล เรือธงด้านค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัล ณ สิ้นปี 2563 มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกที่สำคัญ 3,764 ร้านค้า ครอบคลุม 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า รวมกัน 1,898 แห่ง ใน 55 จังหวัด พร้อมทั้งยังดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศอิตาลี และเวียดนาม รวม 133 แห่ง