ลงรับปัจจัยลบ

ลงรับปัจจัยลบ

วันพฤหัสบดีที่ผ่านดัชนีดีดตัวขึ้น 5.67 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่่า

ประกอบกับกลุ่ม ENERG ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,496.78 จุด +5.67 จุด +0.38% มูลค่าการซื้อขาย 124,121 ลบ. -2,442.88 ลบ. TFEX -8,429 สัญญา ตราสารหนี้ +144 ลบ. โดยทั้งสัปดาห์ดัชนีปรับตัวลดลง 3.73 จุด -0.2%

ปัจจัยบวก

+ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางสร้างภูมิคุ้มกันโรค (ACIP) ในสังกัดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้การรับรองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) แล้ว
+ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านความเห็นชอบแผนบรรเทาทุกข์ผลกระทบจากโรคโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว
+ วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport)ที่ สธ.อยู่ระหว่างติดตามประกาศมาตรฐานกลางของ WHO เพื่อออกมาตรการให้สอดรับซึ่งมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นจาก“นักท่องเที่ยวต่างชาติ”
+/-เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 30.42 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ 30.35 บาทต่อดอลลาร์ เงินบาทอ่อนค่าแรงจากการเก็งกำไร เพราะถูกกดดันจากเรื่องความผันผวนในตลาดการเงินที่ปรับตัวขึ้นเร็ว

ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 469.64 จุด หรือ -1.50% เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐซึ่งปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี
-ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 61.50 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบออกมาจากความวิตกเกี่ยวกับการประชุมในสัปดาห์หน้าของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ 50.6 ลดลงจากระดับ 51.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว แต่ในอัตราที่ชะลอลง
-ม็อบ-จนท.ปะทะกันขว้างปาของ ตร.ใช้กระสุนยาง-แก๊สน้ำตา จับกุมตัวหลายราย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงหลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรงวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐซึ่งปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี คาดกรอบดัชนีในวันนี้ 1,475-1,507 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง TTA PSL RCL
• วัคซีนโควิด-19ลอตแรกเข้าไทย AWC MINT CENTEL CPN CRC SPA AOT

หุ้นรายงานพิเศษ

          CPF ราคาเหมาะสม Consensus 38.85 บาท

•ปี 63 มีกำไรสุทธิ 2.6 หมื่นลบ. +41%yoy %GP และ EBITDA margin 18.2% และ 13.9% ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 14.3% และ 8.9% ตามลำดับ จากการบริหารจัดการระบบ farming ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต

•ผู้บริหารเชื่อว่าจะรักษาความสามารถในการทำกำไรในปีนี้ให้ทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนหรือปรับดีขึ้นจากธุรกิจหมู-ไก่-กุ้งที่อยู่ทิศทางเชิงบวกทั้งด้านราคาขายและต้นทุน

•การควบรวมกิจการกับ Tesco Lotus ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ value chain หนุนยอดขายเติบโตจากการเข้าไปช่วยบริหารสินค้าอาหารสด ก่อให้เกิดการประหยัดจากการขยายขนาด (Economies of Scale)

•แม้ต้นทุนการเงินในปี 63 +22%yoy แต่ Net D/E ลดเหลือ 1.2x จาก 1.4x ณ ปลายปี 62

•บริษัทร่วมมือกับหลายแห่งที่ได้สิทธิปลูกกัญชง เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมในอาหาร ตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อให้ได้ผลส่าเร็จในรูปแบบของ value chain

•การเปิดคลินิก SME ผ่าน clubhouse เป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ในการสร้างการค้าที่เป็นธรรมและช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะเห็นการต่อยอดในเรื่องนี้ต่อไป

•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกจากศักยภาพในการเติบโตของยอดขายหลังควบรวมกิจการกับ Tesco Lotus เต็มปี แนะนำ ซื้อ

หุ้นมีข่าว

(+) BANPU (Bloomberg Consensus 10.00 บาท) มองผลงานปี 2564 ฟื้นหลังพ้นจุดต่ำสุดในปี 2563 หลังความต้องการพลังงานยังขยายตัวสูง ดันราคาขายเฉลี่ย 80 ดอลลาร์ต่อตัน คาดยอดขายถ่านหินไม่น้อยกว่า 43 ล้านตันต่อปี ทุ่มงบลงทุน 156 ล้านดอลลาร์ลุยพลังงานลม ในเวียดนาม ด้าน BPP เตรียมกดปุ่ม COD โรงไฟฟ้าอีก 494 เมกะวัตต์ในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) OR (Bloomberg Consensus 24.00 บาท) ลงทุน 20% ใน "โอ้กะจู๋" ต่อยอดธุรกิจ F&B คาดได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภค สอดคล้องเทรนด์รักสุขภาพ สิ้น Q1/2564 ได้ข้อสรุปน่าขายในปั๊ม แย้มเจรจาดีล F&B ใน-นอก อีกหลายดีล ผลักดันสัดส่วน EBITDA จาก Non-Oil เป็น 33% มองกระแส OR ยังดี เข้า MSCI-SET50-SET100 สปอร์ตไลต์ส่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) KISS (Bloomberg Consensus - บาท) ชูแผนปี 64 มุ่งน่าเสนอนวัตกรรม เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 20-25 รายการ ขานรับตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพฟื้นตัว ขณะที่งบปี 63 มีก่าไรสุทธิ 168 ล้านบาท ลดลง 11.6% และมีรายได้รวม 965 ล้านบาท ลดลง 15.2% ฟากบอร์ดอนุมัติปันผลหุ้นละ 4 สตางค์ ขึ้น XD วันที่ 29 เม.ย.นี้ จ่ายวันที่ 20 พ.ค. 64 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) COM7 (Bloomberg Consensus 48.50 บาท) คาดปี 64 รายได้โต 10% รับดีมานด์สินค้าไอที-สมาร์ตโฟนเพิ่มขึ้น เล็งขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,000 แห่ง พร้อมอัดงบลงทุน 500-1,000 ล้านบาท รองรับลงทุนธุรกิจใหม่คาดได้ข้อสรุปในปีนี้ ส่วนงบปี 63 อวดก่าไรสุทธิ 1,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% หลังรายได้รวม 37,453 ล้านบาท เติบโต 12% จ่ายปันผลหุ้นละ 1 บาท ขึ้นวันที่ XD 29 เม.ย.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ 

1 มี.ค. วันสุดท้ายบจ.ส่งงบปี 63 กรณีไม่ส่ง Q4 (ส่งได้ภายใน 2 มี.ค.ก่อนเปิดตลาดเช้า)

2 มี.ค. ประชุมครม.

5 มี.ค. ก.พาณิชย์แถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการ

24 มี.ค. ประชุมกนง.ครั้งที่ 2/2564

ต่างประเทศ 

1 มี.ค. จีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิต
          อียูเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย
          สหรัฐเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย ดัชนีภาคการผลิต และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง

2 มี.ค. ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราว่างงาน

3 มี.ค. จีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการ
          อียูเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้าย
          สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ. ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้าย ดัชนีภาคบริการ และสต็อกน้ำมัน

4 มี.ค. อียูเปิดเผยยอดค้าปลีก อัตราว่างงานเดือนม.ค.
         สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน