นายกฯ หมดสิทธิ์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกในไทย

วันนี้ (27 ก.พ.2564) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทย ว่าขณะนี้แม้ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตใหม่  แต่อยากให้ประชาชนทุกคนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะต่อให้มีความหวังเรื่องวัคซีน และมีการคลายมาตรการต่างๆ แต่ทุกคนควรสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่างบุคคล หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด เพื่อทุกคนจะได้ปลอดภัยมากขึ้น

อยากให้พี่น้องทุกคนให้กำลังใจจ.สมุทรสาคร ซึ่งตอนนี้ถึงผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนสามารถกลับมาทำงาน และใช้ชีวิต คาดว่าในเดือนมี.ค. จะมีมาตรการผ่อนคลาย ระยะหลังของสมุทรสาคร จะมีผู้ป่วยจำนวนมากในพื้นที่อ.เมือง อ.บ้านแพ้ว และอ.กระทุ่มแบน แต่หากมีการฉีดวัคซีนคาดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น  ส่วนจ.ปทุมธานี ในส่วนของตลาดพรพัฒน์ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้เต็มที่ในเร็วๆ นี้ และมีการป้องกันพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนดูแลป้องกันตนเอง และปฎิบัติตามมาตรการของสธ.

นพ.โอภาส  กล่าวต่อว่าสำหรับการฉีดวัคซีนซิโนแวค  ขณะนี้ได้มีการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมาย 18 จังหวัด กระจายไป 32 โรงพยาบาล และตอนนี้บางจังหวัดมีการตรวจรับเรียบร้อยแล้ว โดยกระบวนการฉีดวัคซีนต่างๆ ประสิทธิภาพความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับและมีการฉีดไป 220 ล้านโดสทั่วประเทศ แต่การฉีดวัคซีนอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากบางวัคซีนมีข้อแนะนำ

อย่าง ซิโนแวค ไม่แนะนำให้ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป ดังนั้น กรณีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้ ท่านจะเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ตามเกณฑ์แพทย์และสาธารณสุขท่านต้องฉีด แต่เมื่อทางข้อแนะนำทางการแพทย์ของวัคซีนซิโนแวค ไม่ให้ใช้กับผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป สธ.จึงไม่แนะนำให้ฉีด เช่นเดียวกับผู้สูงอายุในพื้นที่กลุ่มเสี่ยง ที่จะไม่ได้รับการฉีควัคซีนชนิดนี้ แต่เมื่อใดก็ตามที่วัคซีนแอสตราเซเนกาได้รับการรับรองมาตรฐานประเทศอังกฤษ และมาถึงเมืองไทยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น จะได้ฉีดวัคซีนทันที

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) อายุไม่ถึง 60 ปี  แต่เป็นเจ้าหน้าที่ ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสติดเชื้อสูง  อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของทางสธ. ซึ่งท่านสามารถฉีดได้  แต่โดยหลักการ การฉีดวัคซีนจะเป็นไปตามความสมัครใจไม่ได้เป็นการบังคับ  ถึงจะเป็นกลุ่มเป้าหมายแต่ถ้าไม่สมัครใจก็ไม่สามารถฉีดได้

กระบวนการฉีดวัคซีนนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายและทำความเข้าใจกับทางจังหวัดให้รับทราบแล้ว ซึ่ง ทางจังหวัดจะไปบริหารจัดการ ไปกำหนดกลุ่มเป้าหมาย  อาทิ กลุ่มมีโรคประจำตัว อาชีพเสี่ยง และกำหนดแต่ละวันว่าจะมีคนมารับวัคซีนกี่คน รวมถึงกำหนดสถานพยาบาลที่จะให้บริการ ดังนั้น หากใครมีความสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด  หรือสาธารณสุขจังหวัด