“ดับบลิวเอชเอ”ย้ำจุดแข็ง มั่นใจอุตฯไฮเทคเลือกไทย

“ดับบลิวเอชเอ”ย้ำจุดแข็ง มั่นใจอุตฯไฮเทคเลือกไทย

เวียดนามเป็นประเทศที่บริษัทไทยหลายรายไปลงทุนหลายธุรกิจ รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เริ่มลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่เขตเศรษฐกิจพิเศษด็องนัม จังหวัดเหงะอาน

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ข้อดีของการดึงดูดการลงทุนของเวียดนาม คือ การให้อำนวยผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัดออกสิทธิประโยชน์ และกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษให้ตรงความต้องการนักลงทุน ทำให้ผู้บริหารแต่ละจังหวัดแข่งขันดึงนักลงทุน แต่ความยืดหยุ่นดังกล่าวเป็นจุดอ่อนเช่นกันเพราะกฎระเบียบที่เปลี่ยนได้เป็นความเสี่ยงสำคัญของนักลงทุน

ขณะที่ไทยโดยรวมแล้วสิทธิประโยชน์ด้านภาษีในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ยังให้สิทธิการยกเว้นภาษีมากกว่าเวียดนาม และการที่มาตรการสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนที่ออกมาจากรัฐบาลกลางเพียงที่เดียวทำให้นักลงทุนเข้าใจง่าย และไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ รวมทั้งไม่เปลี่ยนแปลงจึงสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนี้ แต่ละจังหวัดของเวียดนามมีหน่วยงานออกใบอนุญาตได้หมด การเปิดนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอแห่งที่ 2 ในเวียดนาม ก็เจรจาออนไลน์ผ่านระบบซูมและลงนามเอ็มโอยูได้เลย แต่การออกใบอนุญาตของไทยต้องผ่านแต่ละกระทรวง ในส่วนของหน่วยงานวันสต็อปเซอร์วิสของอีอีซียังทำงานไม่เต็มที่และต้องส่งเรื่องให้กระทรวงพิจารณา

“เวียดนามนอกจากมีจุดแข็งข้อตกลงเขตกการค้าเสรี (เอฟทีเอ) แล้ว รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญกับการดึงนักลงทุนมาก ซึ่งช่วงดึงซัมซุงไปตั้งฐานการผลิตได้ทำงานเป็นทีมตั้งแต่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหน่วยราชการรวมตัวเป็นทีมแข็งแกร่งทำให้ตอบสนองความต้องการนักลงทุนได้ตรงจุด”

จากสถานการณ์โควิด-19 ไทยควรได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการลงทุนออกจากจีนได้สูง แต่ไทยมีอุปสรรคมากทำให้นักลงทุนเข้ามายาก แม้ไทยและเวียดนามต้องกักตัวก่อนเข้าประเทศ 14 วัน แต่เวียดนามออกวีซ่าให้ง่ายกว่า แต่ของไทยออกวีซ่ายากมากทำให้ไทยเสียโอกาส

ทั้งนี้ การลงทุนภาคอุตสาหกรรมเป็นหัวใจสำคัญการพัฒนาอีอีซี เพราะเมื่อมีอุตสาหกรรมมามากพอจะเกิดการพัฒนาเมืองใหม่ เกิดสมาร์ทซิตี้รองรับประชากร และชาวต่างชาติที่ย้ายถิ่นฐานทั้งผู้เชี่ยวชาญชั้นสูง ช่างเทคนิค สตาร์ทอัพ จนเกิดอีโคซิสเท็มที่เหมาะในการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยี ต่อยอดเศรษฐกิจไทยไปสู่ฐานการผลิตและธุรกิจมูลค่าสูงตามเป้าหมายอีอีซี

“หลังจากต่างประเทศทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลควรให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วมาติดต่อธุรกิจในไทยง่ายขึ้นเพื่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการลงทุน จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจากโควิด-19 ได้เร็ว”

นอกจากนี้ เมื่อมองภาพรวมไทยยังดีกว่าเวียดนามหลายด้าน โดยเฉพาะจุดแข็งทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียนในหลายเรื่อง โดยลูกค้าต่างประเทศมองในด้านนี้เหมือนกันหมด ซึ่งแม้ว่าหลายประเทศไปลงทุนเวียดนามหรืออินโดนีเซีย แต่มีเป้าหมายการผลิตเพื่อป้อนตลาดขนาดใหญ่ในประเทศเป็นหลัก แต่ที่มาลงทุนไทยเน้นการผลิตเพื่อส่งออก 

โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงยังมาลงทุนในไทยมากกว่าเวียดนาม เพราะทักษะฝีมือแรงงานไทยสูงและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการทำธุรกิจดีกว่า แต่ไทยต้องเร่งพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคที่จะมาลงทุนอีกมาก

สำหรับการลงทุนในเวียดนามของ ดับบลิวเอชเอ ล่าสุดได้รับสิทธิ์ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ในจังหวัดถั่งหัว โดยการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมนี้ตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูง โครงการแรกจะใช้ชื่อว่า WHA Smart Technology Industrial Zone-Thanh Hoa มีพื้นที่ 3,750 ไร่ (600 เฮกตาร์) และพื้นที่พักอาศัย 188 ถึง 313 ไร่ (30 ถึง 50 เฮกตาร์) 

ส่วนโครงการที่ 2 ใช้ชื่อ WHA Northern Industrial Zone-Thanh Hoa มีพื้นที่ 3,375 ไร่ (540 เฮกตาร์) โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ อุตสาหกรรมปลายน้ำ ประกอบด้วย พลาสติก ยาง ผลิตภัณฑ์เคมีและเคมีชีวภาพ การแปรรูปโลหะและโรงหล่อ วัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ การประกอบเครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่น ซึ่งจะขอใบอนุญาตและเริ่มโครงการทันที และเริ่มสร้างโครงการ WHA Smart Technology Industrial Zone–Thanh Hoa ในปี 2566 และ WHA Northern Industrial Zone–Thanh Hoa ในปี 2565

สำหรับจังหวัดถั่งหัว ตั้งอยู่ภาคกลางตอนเหนือของเวียดนาม เป็นจังหวัดใหญ่อันดับ 3 มีประชากร 3.6 ล้านคน มีแรงงาน 2.3 ล้านคน ทำเลที่ตั้งใกล้กรุงฮานอยและเมืองไฮฟองทำให้ได้เปรียบการเชื่อมเมืองสำคัญ มีโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ครบและเดินทางสู่สนามบินนานาชาติฮานอยและท่าเรือน้ำลึก Lach Huyen ได้สะดวก

ส่วนนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกในเวียดนามที่เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียลโซน 1 จังหวัดเหงะอาน มีพื้นที่ 897 ไร่ (143.5 เฮกตาร์) จาก 3,113 ไร่ (498 เฮกตาร์) รองรับนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น ไทยและเวียดนาม จากภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงวัสดุก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป พลังงานโซลาร์และโลหะ โดยจะลงทุนระยะ 2 อีก 1 พันไร่ และทะยอยลงทุนระยะ 2-3 ต่อไปถึงปลายปี 2565

นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ ได้เข้าซื้อหุ้น 47.31% จากบริษัท Cua Lo Water Supply Joint Stock Company (“Cua Lo”) ประเทศเวียดนาม ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำประปาในจัหวัดเหงะอา มูลค่า 31.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญในการขยายธุรกิจด้านสาธารณูปโภคไปต่างประเทศ