ความหวัง“อภิรัฐ รัตนพันธุ์" นำ "เสรีรวมไทย" ปักหมุดแดนใต้

แม้จะชื่อของ “อภิรัฐ รัตนพันธุ์” ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ของพรรคเสรีรวมไทยจะโนเนมทางการเมือง แต่โปรไฟล์การศึกษา ชั่วโมงบินการทำงาน ไม่ธรรมดา

“อภิรัฐ” ในวัย 48 ปี เกิดที่นครศรีธรรมราช จบปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท นิติศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง

หน้าที่การงานของ “อภิรัฐ” ด้านกฎหมาย เป็นทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย เจ้าของสำนักกฎหมายสามบารมี อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ทนายความและที่ปรึกษากฎหมายธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ทนายความและที่ปรึกษากฎหมายธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

12 ปีที่แล้ว ปี 2551 “อภิรัฐ” ประเดิมงานทางการเมือง ด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง จากนั้นได้คลุกคลีการเมืองระดับท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง

“อภิรัฐ” ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงการเมืองในพื้นที่ และการตัดสินใจขยับขึ้นมาแข่งในระดับชาติว่า ส่วนตัวมองว่าการเมืองใน จ.นครศรีธรรมราชถูกผูกขาดมานาน จึงขออาสามาเป็นจุดเปลี่ยนให้พี่น้องชาวนครศรีฯ เราอยากเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ผมเลยมาลงสมัครในนามพรรคเสรีรวมไทย เพราะไม่ต้องการยึดติดกับการเมืองแบบเดิมๆ

“หัวหน้า (พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส) ท่านได้รับฉายาจากสื่อมวลชนเเละสังคมว่า นายตำรวจตงฉิน และวีรบุรุษนาแก ผลงานตอนที่ท่านรับราชการตำรวจ หลายคนยอมรับว่าไม่มีอะไรด่างพร้อย เมื่อมาทำหน้าที่ส.ส. ท่านยังเป็นเช่นเดิม เหมือนช่วงเป็นนายตำรวจ คือกล้าชนกับสิ่งที่ผิด ผมจึงมองว่าเป็นจุดแข็งที่จะสามารถพิชิตใจคนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมได้”

“อภิรัฐ” ยอมรับว่า ต้องใช้จุดแข็ง-จุดขาย ของผู้นำพรรคเพื่อเอาชนะใจชาวเมืองคอน เพราะมองว่าจุดแข็งดังกล่าว นอกจากจะสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองให้พรรคเสรีรวมไทยจนเป็นที่ยอมรับมาแล้ว การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ก็ควรใช้จุดแข็งนี้เช่นเดียวกัน

“ในเขตนี้แข่งขันกัน 4 พรรค บางพรรคครองพื้นที่มานาน บางพรรคมีขั้วอำนาจหนุน บางพรรคเพิ่งตั้งใหม่ก็ต้องแข่งขันกัน แม้จะมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการขยับเกมใต้ดินของบางฝ่ายเริ่มขึ้นเเล้ว แต่ผมไม่กังวล เพราะเชื่อว่าประชาชนรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก และไม่ยอมให้ชื่อเสียงของเขตสาม เมืองคอนต้องเสื่อมเสีย แต่ผมขอให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา เเจ้งเบาะเเสการทุจริตด้วย รวมทั้งฝากข้าราชการว่าควรวางตัวเป็นกลางด้วย”

“พรรคเสรีรวมไทยทำงานมา 2 ปีเเล้ว ผลงานก็ปรากฏ ว่าพรรคไม่ยอมกับสิ่งที่ผิด ตรงนี้น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์คุณภาพของพรรคให้ประชาชนเชื่อมั่น ดังนั้นการที่ผมสังกัดพรรคเสรีรวมไทย เพราะเชื่อมั่นอุดมการณ์ของพรรค และจุดยืนของหัวหน้าพรรคที่ยึดประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

สำหรับยุทธศาสตร์การหาเสียง อภิรัฐบอกว่า ได้ใช้วิธีเคาะประตูบ้านทุกบ้านเพื่อแนะนำตัวเอง และนำเสนอแนวคิดของพรรคเสรีรวมไทย ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงใจ

“ท่านหัวหน้าเเนะนำให้ผมเคาะประตูบ้าน เเละไปพบมวลชน เพื่อเเนะนำตัวให้ทั่วทั้ง 4 อำเภอรู้จัก ทั้งผมและพรรคพร้อมอธิบายว่า เราจะมาทำอะไร เสนอนโยบาย 6 หยุดของพรรคให้ประชาชนเข้าใจเพิ่มขึ้น รวมทั้งเเสดงจุดยืนของพรรคที่มีต่อระบอบระชาธิปไตยฯ พรรคเสรีรวมไทยอยู่ฝ่ายต้านการยึดอำนาจ พยายามนำการเมืองกลับสู่ภาวะปกติที่สังคมตรวจสอบได้ทุกระบบ ไม่ใช่การเมืองเเบบช่วงยึดอำนาจเเละในวันนี้ ตรงนี้ประชาชนเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมได้เสนอ และขอโอกาสไปทำหน้าที่ ส.ส.เขตนี้”

ขณะเดียวกัน “อภิรัฐ” ยังได้สำรวจกระแสนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าตัวเองและพรรคเสรีรวมไทย มีกระแสตอบรับในพื้นที่อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น

“ตอนนี้กระเเสนิยมของผมเเละพรรคดีขึ้น เเละมีโอกาสชนะเเม้ต้องเเข่งขันกับผู้สมัครบางพรรค ในช่วงที่ผมลงพื้นที่เเนะนำตัวนั้น พบว่าประชาชนยังขาดเเคลนหลายเรื่อง เเม้บางพรรคจะครองพื้นที่นี้มานาน เเต่ปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการปรับปรุงเท่าที่ควร เเละฝากให้ผมไปช่วยติดตามเเก้ไข ผมรับอาสารับข้อเรียกร้องนี้ เพื่อไปเร่งประสานส่วนราชการให้ หากผมได้รับการเลือกตั้ง ผมจะเร่งเเก้ปัญหาเหล่านี้โดยเร่งด่วน”

“อภิรัฐ” คาดหวังว่า จะได้รับโอกาสจากประชาชน เพื่อเข้าไปสานฝันให้ชาวนครศรีธรรมราช แม้ว่าจะอยู่ฝ่ายค้าน แต่เขามั่นใจว่าทำประโยชน์ได้

“หากผมได้รับโอกาสทำหน้าที่ส.ส.เขตนี้ เเม้วันนี้จะอยู่ฝ่ายค้าน เเต่ก็สร้างประโยชน์ให้บ้านเมืองเเละท้องถิ่นได้ เพราะการสะท้อนปัญหาของประชาชนในเขตนี้ต่อรัฐสภา เเละรัฐบาลให้เร่งปรับปรุงเป็นหน้าที่ของ ส.ส. รวมทั้งยังไปถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร เเละนิติบัญญัติ ที่บางเรื่องทำอะไรพิกลๆ อยู่”

“อภิรัฐ”เชื่อมั่นว่า หากได้รับความไว้วางใจในการทำหน้าที่ ส.ส.เขตนี้ จะส่งผลดีต่อการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ในพื้นที่อื่นๆ อีกหลายจังหวัด ประชาชนน่าจะให้โอกาสพรรคเสรีรวมไทยได้มี ส.ส.เขต เเละปาร์ตี้ลิสต์มากขึ้น