OSP ลั่นผงาดผู้นำเครื่องดื่มในเมียนมา

OSP ลั่นผงาดผู้นำเครื่องดื่มในเมียนมา

“โอสถสภา”ปี 63กำไรโต 7.5%ที่ 3.5 พันล้าน แม้รายได้ทรงตัวจากปีก่อน เหตุเดินหน้าลดต้นทุน พร้อมตั้งเป้ากำไรปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมซื้อหุ้น"อิน โนเวชั่น ออฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์"80%หวังเพื่อขีดความสมารถทางการตลาดดิจิทัล-หนุนรายได้เพิ่ม

    นางพรธิดา บุญสา กรรมการ Chief Financial Officer และ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)หรือOSP เปิดเผยว่า ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,504.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,259 ล้านบาทและมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1%อยู่ที่ 13.7%เนื่องจาก บริษัทได้ดำเนินโครงการ Fit Fast Firm ที่จัดทำเพื่อเพิ่มประสิทธิผลและลดต้นทุนโดยรวมช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจแม้มีผลกระทบจากรายได้ที่ทรงตัว อยู่ที่ 25,583 ล้านบาท เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

.    ซึ่งการที่บริษัทมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าหลัก สร้างความแข็งแกร่งด้านการขาย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และทำสถิติสูงสุดใหม่ไตรมาส4ปี 2563

    ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ยเงินปันผลประจำปี 2563 จำนวน 1.1 บาทต่อหุ้น ซึ่งจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 0.45 บาทต่อหุ้นคงเหลือจ่ายอีก 0.65 บาท


     สำหรับปี 2564 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของกำไรเป็นเลข 2 หลัก โดยเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิผลผ่านโครงการ Fit Fast Firm เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะความผันผวนจากการเติบโตของรายได้ภายใต้สมมติฐานต่างๆเพื่อความสามารถในการทำกำไรแม้ว่าทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคมีความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

     ทั้งนี้บริษัทพร้อมสร้างการเติบโตและความเป็นผู้นำในเมียนมาร์ขับเคลื่อนจากการปรับกลยุทธ์เพื่อสรา้งความแข็งแกร่งด้านการขายและกระจายสินค้าผ่านเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในเมียนมาร์.  

     นอกจากนี้โรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ในเมียนมาเ์ป็นปัจจัยสำคัญช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นและเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการและการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การปฏิวัติที่เกิดขึ้นอาจมีผลกระทบด้านการขนส่งและการเปิดบริการของร้านค้า ในระยะสั้นซึ่งบริษัทยังคงบริหารจัดการการดำเนินงานตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

     นอกจากนี้บริษัทย่อย บริษัท โอทูซี จำกัด และบริษัท โอสถสภา เอ็นเตอร์ไพรซ์ จํากัด ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 80 ของบริษัท อิน โนเวชั่น ออฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จํากัด (iEx)

.   ซึ่งประกอบธุรกิจ ให้บริการสื่อสารสนเทศเทคโนโลยีการตลาด มูลค่าการ 10.80 ล้านบาท โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการเข้าถึงบุคลากรที่มีศักยภาพเพื่อขยายขีดความสามารถทางการตลาดดิจิทัลและสร้างรายได้เพิ่มเติม