'ประวิตร' นำทัพหลวง 'พปชร.' สั่งลุยเมืองคอน 'ให้ชนะ'
นับเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีในการ "เลือกตั้งซ่อม" นครศรีธรรมราช เขต3 โดยแท้ เมื่อ "ประชาธิปัตย์" ต้องการรักษาตำแหน่งแชมป์เก่า ส่วน "พลังประชารัฐ" ผู้ท้าชิงที่ต้องการกระชากเก้าอี้ส.ส.ตัวนี้ มาไว้ในอ้อมอก
สนามเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช เขต 3 นอกจากความกดดันในการรักษาแชมป์ของ“ประชาธิปัตย์” ในส่วนของ “พลังประชารัฐ” ก็นับว่าเดิมพันสูงเช่นเดียวกัน
เกมช่วงชิงพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่ส่ง “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ลงล้างตาจากคราวก่อน ที่พ่ายให้ “เทพไท เสนพงศ์” เพียง 4,568 คะแนนเท่านั้น
ศึกครั้งนี้พลังประชารัฐหมายมั่นปั้นมืออย่างมาก จึงส่ง “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค รับงาน“ฉากหน้า” เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมสนามนี้
ขณะที่ “ฉากหลัง” เป็นที่รับรู้กันดีว่า “ส.ส.ภาคใต้” ส่วนใหญ่ของพลังประชารัฐ ขณะนี้อยู่ในอาณัติของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ เรียบร้อย
“ธรรมนัส” จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสู้ศึกเลือกซ่อมเมืองคอนครั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่พูดคุยกันหนาหูว่า หาก “อาญาสิทธิ์” เข้าวินเป็น ส.ส.ได้จริง “ผู้แทนภาคใต้” มีโอกาสจะได้ “เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย” เป็นรางวัล
ว่ากันว่า เรื่องนี้อาจเป็น “คำมั่นของแกนนำ”บางคนในพลังประชารัฐ ที่ปลุกขวัญกำลังใจให้“ส.ส.ใต้” ทุ่มเทสุดกำลัง
นครศรีธรรมราช เขต 3 รอบนี้ จึงแข่งขันกันดุเดือดไปโดยปริยาย
แหล่งข่าวในพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า กลยุทธ์บางอย่างเปิดเผยไม่ได้ เพราะคู่แข่งคนสำคัญใช้วิชาทุกรูปแบบ “เขาใช้แบบไหน เราก็ใช้แบบนั้น”
+ ประกาศิตหัวหน้าพรรค“ให้ชนะ” +
ขณะที่ “รงค์ บุญสวยขวัญ” ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พลังประชารัฐ ในฐานะประธานภาค 8 เปิดเผยว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค กำชับว่า ขอให้พวกเราไม่ไปต่อว่าพรรคอื่น อย่าทำผิดกฎหมาย ทำอะไรให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และที่สำคัญกำชับว่า “ให้ชนะ”
ประธานภาค 8 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยอีกว่า ในส่วนของกลยุทธ์การหาเสียงที่จะสื่อสารกับชาวบ้านคือ เลือก “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” จะได้เป็นสะพานให้กับคนในพื้นที่ ในการช่วยสะท้อนปัญหาไปถึงสภาฯ รวมถึงช่วยเสริมเสถียรภาพรัฐบาล หากได้จำนวน ส.ส.เพิ่มจะยิ่งทำให้เกิดความมั่นคงในสภาฯ และเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการทำงานต่อไป
นอกจากนั้น การเลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐยังเป็นการให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถือเป็นยาขนานเอกให้นายกฯ ฝ่าฟันวิกฤติโควิด และปัญหาอีกมากมาย และคะแนนเสียงที่พรรคได้รับ จะเป็นตัวสะท้อนความนิยมของรัฐบาลผ่านหลายนโยบายที่ทำให้ประชาชนได้เป็นอย่างดี
“นโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไม่ต้องสวยหรู แต่ต้องเป็นการเติมเต็ม สร้างความเข้มแข็ง นำเอานโยบายที่ได้แถลงต่อสภา รวมถึงแผนงานต่างๆ มาสู่การปฏิบัติ” รงค์ กล่าว
+ อดีตคู่แข่งช่วยเก็บคะแนน +
เมื่อส่องตัวผู้สมัครของพลังประชารัฐ คือ “อาญาสิทธิ์” ที่รับราชการมาตลอดชีวิต เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองระดับ 1 สำนักงานเขตดุสิต ปี 2532 เป็นปลัดอำเภอ(เจ้าพนักงานปกครอง) ปี 2535
เป็นเลขานุการรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2553 เป็นนายอำเภอปลายพระยาจังหวัดกระบี่ ปี 2560 นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2562 และ“อาญาสิทธิ์” เพิ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เมื่อปี 2563
ก่อนที่ “อาญาสิทธิ์” จะตัดสินเบนเข็มสู่เส้นทางการเมือง เขาเปิดเผยว่า ไม่มีใครมาชวนเข้า“พลังประชารัฐ” ตัวเองเป็นคนส่งประวัติไปให้พรรคพิจารณา จนได้รับเลือกให้เป็นผู้สมัครในนามพรรคตั้งแต่เลือกตั้งใหญ่ครั้งที่แล้ว และการเลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้ ก็ได้โอกาสลงสนามอีกครั้ง
ที่สำคัญ “สนั่น พิบูลย์” อดีตผู้สมัครเลือกตั้ง เขต 3 นครศรีธรรมราช จากเมื่อการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่แล้ว “พรรคภูมิใจไทย” ที่เข้าป้ายเป็นอันดับ 3 กวาดมาได้ 15,490 คะแนน และเป็นเครือญาติ “อาญาสิทธิ์” ก็หันมาช่วยเขาสู้ศึกครั้งนี้กับ “ประชาธิปัตย์” อย่างเต็มตัว
+ “ประวิตร”นำทัพหลวงปราศรัย 5 มี.ค. +
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในพื้นที่ พรรคพลังประชารัฐยังคงเดินหน้าตั้งเวทีปราศรัยมาอย่างต่อเนื่อง บรรดา “ส.ส.ภาคใต้” ต่างระดมกันมาช่วยขึ้นเวทีปราศรัยผลัดเปลี่ยนกัน โดยในวันที่ 26 ก.พ.นี้ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะสวมหมวกเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ซึ่งถือเป็นคิวแรกของระดับแกนนำพรรค
จากนั้น ในวันที่ 4 มี.ค. จะเป็นคิวของ “ร.อ.ธรรมนัส” ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรค และเตรียมการดูแลความเรียบร้อย เพื่อต้อนรับ “ทัพหลวง” ที่นำโดย “พล.อ.ประวิตร” พร้อมทั้งรัฐมนตรีของพรรคหลายคน จะลงไปช่วยปราศรัยหาเสียงในวันที่ 5 มี.ค.นี้
ศึกใหญ่ระหว่าง “พรรคร่วมรัฐบาล” อย่าง “พลังประชารัฐ” และ “ประชาธิปัตย์” นับว่าเข้มข้นอย่างยิ่งเพราะต่างก็งัดทุกสรรพกำลังออกมาต่อสู้ทั้งบนดิน ใต้ดิน เพื่อไม่ให้ปราชัย เพราะต่างมีศักดิ์ศรีค้ำคอด้วยกันทั้งคู่