‘สมศักดิ์’ เดินหน้าทำกม.รอง รอรับปลดล็อกพืชกระท่อม พ้นบัญชียาเสพติด

‘สมศักดิ์’ เดินหน้าทำกม.รอง รอรับปลดล็อกพืชกระท่อม พ้นบัญชียาเสพติด

ส.ว.ไฟเขียวร่างกฎหมายปลดล็อกกระท่อม “สมศักดิ์” ขอบคุณ เดินหน้าทำกฎหมายรองต่อ หวังผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่ต้องควบคุมปริมาณหวั่นราคาตก ย้ำยังไม่ได้เปิดเสรีต้องรอหลังประกาศใช้ 90 วัน เผย 26 ก.พ.เตรียมลงใต้ฟังความเห็นชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงภายหลังที่วุฒิสภาลงมติเห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ในวาระที่ 3 ว่า ขอบคุณ ส.ว.ที่กรุณาให้ความสนใจและเห็นชอบ ผ่านร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่ปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดประเภท 5 ขั้นตอนจากนี้ ประธานวุฒิสภาจะส่งร่างให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วกฎหมายจะมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น 90 วัน และจากนี้เราต้องเร่งทำกฎหมายรองต่อไปให้เสร็จโดยเร็ว เรื่องนี้เป็นผลดีกับประชาชนที่รอคอยอยู่ เพราะที่ผ่านมาการร่างกฎหมายแต่ละฉบับใช้เวลาเป็นปีไม่ว่าจะยาวมากน้อยขนาดไหน เช่น ฉบับนี้ เราเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2563 ถึงวันนี้ก็ 1 ปี 2 เดือนแล้ว ที่เราติดตามมาตลอด ซึ่งกฎหมายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องซับซ้อนมากแต่ยังใช้เวลาเป็นปี หากเป็นกฎหมายที่ซับซ้อนกว่าคงใช้เวลามากกว่านี้ ส.ส.มีเวลาทำงาน 4 ปี กว่าจะรายงานตัวเริ่มต้นงานก็ 2-3 เดือนแล้ว นี่ถือเป็นโชคดีที่เราทำกฎหมายได้เร็ว ซึ่งหากทำกฎหมายใช้เวลานานมากจะไม่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การทำกฎหมายตรงนี้หากเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว ผู้เคี้ยวผู้เสพตามวิถีปกติ ไม่ได้นำไปผสมกับสารเสพติดอื่นๆ จะไม่มีความผิด ส่วนการปลูกโดยประชาชนจะเสรีแต่จะจำกัดจำนวนต้น แต่การจะปลูกใหม่ต้องรอกฎหมายรองก่อน ซึ่งถือว่าตอนนี้พืชกระท่อมเกือบจะหลุดจากยาเสพติดโดยสมบูรณ์แล้ว ในส่วนของกฎหมายรอง จะมีบทบัญญัติต่างๆ เช่น เรื่องการปลูก การใช้ และวิธีการต่างๆ โดยขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งตนได้ไปชี้แจงแล้ว โดยหากชาวบ้านปลูกไม่มากประมาณ 3 ต้น ไม่ต้องขออนุญาตแต่ต้องแจ้งกับฝ่ายปกครองให้รับทราบ แต่หากจะปลูกใช้เชิงอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ต้องมีการขออนุญาต โดยจากการหาข้อมูลพบว่า ผลผลิต 3 ต้นจะได้ใบประมาณ 750 กิโลกรัม โดยน้ำหนัก 1 กิโลกรัมมีประมาณ 400 ใบ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท ที่เขาซื้อขายกันในกลุ่มชาวบ้าน

“ผมอยากจะผลักดันพืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่เป็นภาระของรัฐบาล ซึ่งการปลูกจะต้องมีการควบคุม เพราะหากมีปริมาณไม่มากราคาจะดี แต่หากปลูกกันมากเกินไปราคาจะตกต่ำ ดังนั้นต้องควบคุมปริมาณเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านให้มากที่สุด ซึ่งผมต้องขอย้ำอีกครั้งว่า ตอนนี้กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้ ยังไม่ได้เปิดเสรี หากใครจะทำอะไรต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ ในวันที่ 26 ก.พ. ตนจะเดินทางไปพบชาวบ้านพื้นที่ภาคใต้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำร่างกฎหมายรองด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว