เอไอเอสดันคลื่น26กิกสู่อุตฯอีอีซี -อัดงบปี64พัฒนา4-5จีสูงสุด25,000ล้านบาท

เอไอเอสยิ้มร่าหลังจ่ายค่าคลื่น 26 กิก พร้อมติดสปีดลุย 5จีในพื้นที่อีอีซีหว่านงบลงทุนปูพรมอัพเกรดเน็ตเวิร์ก หวังตอบโจทย์อุตฯ4.0 ด้วยความหน่วงต่ำตอบสนองการใช้งานออโต้เมชั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า วานนี้ (18 ก.พ.2564) บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ในเครือเอไอเอสผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 26 กิกะเฮิรตซ์ช่วงความถี่ 25.2-26.4 กิกะเฮิรตซ์ได้ชำระค่าคลื่นความถี่ดังกล่าว จำนวน 5,719.15 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยบริษัทเป็นเพียงรายเดียวที่มีคลื่น 26 กิกะเฮิรตซ์ย่านความถี่สูง ในปริมาณแบนด์วิธมากที่สุดถึง 1200 เมกะเฮิรตซ์จและพร้อมแล้วในการเปิดให้บริการทันที
โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มอบใบอนุญาตใช้งานและประกอบกิจการแล้วโดยมีอายุ 15 ปี เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2564 สิ้นสุดลงวันที่ 17 ก.พ.2579
ทั้งนี้ จากการชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 26 กิกะเฮิรตซ์พร้อมรับใบอนุญาต ส่งผลให้บริษัทถือครองคลื่นความถี่ 5จีครบทั้ง 3 ย่าน ได้แก่ คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ 2600 เมกะเฮิรตซ์ และ 26 กิกะเฮิรตซ์ หากรวมเฉพาะคลื่นความถี่ที่จะนำมาให้บริการ 5จี ทั้งหมดอยู่ที่ 1330 เมกะเฮิรตซ์และเมื่อรวมกับคลื่นความถี่เดิมที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่แล้ว ส่งผลให้มีคลื่นความถี่ในการให้บริการ 3จี,4จี และ 5จี มากที่สุดรวม 1420 เมกะเฮิรตซ์(ไม่รวมคลื่นที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ)
ขณะเดียวกัน ในปี 2564 บริษัทได้เตรียมงบลงทุนเครือข่ายรวม 25,000-30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเครือข่ายทั้ง 5จี และ 4จี ประมาณ 20,000-25,000 ล้านบาท รวมทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน ประมาณ 5,000 ล้านบาท หลังจากในปี 2563 มีการลงทุนพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง จนครบ 77 จังหวัดเป็นรายแรก พร้อมครอบคลุม 100% สำหรับพื้นที่ใช้งานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ด้วยงบลงทุนในปี 2563 เป็นเงิน 35,000 ล้านบาท
สำหรับคุณสมบัติของคลื่น 26 กิกะเฮิรตซ์ ถือได้ว่าตอบโจทย์การดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง เช่น สามารถออกแบบเครือข่ายได้อย่างสอดรับกับลักษณะธุรกิจที่แตกต่างกันของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความหน่วงที่ต่ำมาก สามารถตอบสนองการทำงานของอุปกรณ์ในสายพานการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยล่าสุด บริษัท ร่วมกับ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศในพื้นที่ EEC นำเทคโนโลยี 5จี มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตภายในโรงงานใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. 5จี AGV เป็นการใช้ 5จี ควบคุม และสั่งการรถ AGV (Automated Guided Vehicles) ที่ใช้สำหรับการขนส่งชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตภายในโรงงาน และระหว่างโรงงาน 2. 5จี สมาร์ท โรบอทส์ เป็นการใช้ 5จีควบคุม สั่งการในส่วนของแขนกลหุ่นยนต์ ที่ใช้งานในส่วนสายการผลิตที่เกี่ยวข้อง โดยเทคโนโลยี 5จี จะนำมาช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากคน และ 3. จี Active Dashboard การประยุกต์ใช้งาน 5จี ในการเชื่อมต่อระหว่าง Server และ Machine เพื่อให้สามารถ Monitoring สายการผลิตต่างๆ
'เราชนะ' เช็คสิทธิ ‘กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน’ รอบ 1
'อินเว้นท์' ลุยลงทุน 2 เทคสตาร์ทอัพ ปลุกโลก 'ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ -ไอโอที'
'วิกฤติน้ำ' ปี 64 แล้งหนัก-น้ำเค็มรุก