PTT ปี63กำไรวูบ60% บอร์ดไฟเขียวปันผล0.82 บาท 

PTT ปี63กำไรวูบ60%  บอร์ดไฟเขียวปันผล0.82 บาท 

  PTT ปี63 กำไร 3.77 หมื่นล้าน ลดลง 59.37% เหตุโควิดฉุดยอดขายหด -ราคาน้ำมันดิบร่วง   พร้อมคาดราคาน้ำมันดิบปีนี้ 55-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านบอร์ด ไฟเขียวปันผล 0.82 บาท จ่าย 30 เม.ย. 

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งว่า ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 37,765.80 ล้านบาท ลดลง 59.37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 92,950.60 ล้านบาท  เนื่องจากยอดขายลดลง 27.2%อยู่ที่ 1.61 ล้านล้านบาท จากปี 2562 ที่ยอดขาย 2.21 ล้านล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ลดลง 21.9% อยู่ที่ 2.25 แสนล้านบาท  จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 2.88 แสนล้านบาท สาเหตุหลัก มาจากธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียมที่ผลการดําเนินงานปรับลดลงตามราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง แม้ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นโดยหลักจากโครงการมาเลเซียและกลุ่ม Partex ภายหลังการเข้าซื้อธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีก่อน 

ประกอบกับผลการดําเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่ลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยหลักจากขาดทุนสต็อกน้ำมันในปี  2563 จํานวนประมาณ 19,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงอย่างมากจาก ณ สิ้นปี2562 ที่ 67.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 51.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ณ สิ้นปี 2563 เนื่องจากสงครามราคาน้ำมัน สภาวะอุปทานล้นตลาดของน้ำมันดิบ ประกอบกับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสําเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะที่ปี 2562 มีกําไรสต็อกน้ำมันประมาณ 2,800 ล้านบาท โดย Market GRM ปรับลดลงจาก 2.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี2562 เป็น 0.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี2563 ตามส่วนต่างราคาน้ำมันสําเร็จรูปกับน้ำมันดิบที่ลดลงในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ และ Accounting GRM ลดลงจากอย่างมากจาก 3.0 ปี 2562 เป็นขาดทุน (0.8) ดอลลาร์

ในปี 2563 และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ปรับลดลง นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดําเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ เนื่องจาก ราคาขายที่ลดลงตามราคาปิโตรเคมีอย่างอิงในตลาดโลกปรับลดลงและปริมาณขายที่ลดลงจากผลกระทบ COVID-19 ตามการปิดซ่อม บํารุงและปรับลดกําลังการผลิตให้เหมาะสมตามอุปสงค์ที่ลดลงของลูกค้าในปี 2563 และธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่ายก๊าซฯ มีผลการดําเนินงานลดลงเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่อ้างอิงราคาก๊าซฯและราคาน้ํามันเตาลดลง และปริมาณขายที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ผลการดําเนินงานของกลุ่มเทคโนโลยีและวิศวกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการเข้าซื้อ GLOW ของ GPSC ในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2562      สำหรับในปี 2564 คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเฉลี่ยอยู่ที่ 55-60 ดอลลาร์และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-2.5 ดอลลาร์

ด้านคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.82 บาท กำหนดจ่าย 30 เม.ย.นี้