'สศช.'ชี้ชัด 'วัคซีนโควิด' ปัจจัยสำคัญฟื้นท่องเที่ยว - เศรษฐกิจไทย

'สศช.'ชี้ชัด 'วัคซีนโควิด' ปัจจัยสำคัญฟื้นท่องเที่ยว - เศรษฐกิจไทย

"สภาพัฒน์"คาดการประชากรไทยได้วัคซีน 75% ของประชากรภายในครึ่งแรกของปี 65 หลังจากในปีนี้จะกระจายวัคซีนได้ 50% ของประชากร คาดเริ่มทยอยรับนักท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ในช่วงไตราสสุดท้ายปี64 "ดนุชา"ย้ำความจำเป้นต้องเริ่มกระจายวัคซีนให้ภาคท่องเที่ยว

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงประเด็นการกระจายวัตซีนโควิด-19 หลังจากที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาให้รอบครอบ เพราะยังไม่แน่ว่าคนที่ได้รับวัคซีนนั้นยังสารถรับเชื้อได้หรือไม่ และคนที่ได้วัคซีนจะยังสามารถเป็นพาหะในการแพร่เชื้อได้หรือไม่ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันเรื่องวัคซีนแต่การแพร่เชื้ออาจยังสามารถทำได้ ซึ่งแม้จะมีวัคซีนแล้วแต่ยังความไม่แน่นอนของวัคซีนก็คือยังไม่แน่ว่าวัคซีนที่การพัฒนาในระยะแรกนี้จะสามารถควบคุมการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในสายพันธุ์ต่างๆได้ครอบคลุมเพียงใดเพราะเชื้อโควิด-19 ยังมีการกลายพันธุ์พัฒนาตัวเองต่อเนื่องไปเรื่อยๆจึงต้องมีทั้งมาตรการป้องกันวัคซีนและการควบคุมโรคควบคู่กันไป 

ทั้งนี้ในเรื่องของการจัดสรรวัคซีนโดยเอาปัจจัยทางเศรษฐกิจมาประกอบในการฉีดวัคซีนด้วยเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณาโดยให้กับบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเ ควบคู่ไปกับการวางแผนโดยคำนึงถึงปัจจัยในเรื่องการแพทย์และสาธารณสุข รวมไปถึงผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวให้ได้รับวัคซีนในจำนวนที่เหมาะสมด้วย 

161364779078

“ในปีที่ผ่านมา สศช.เคยคาดการณ์ว่าในปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 5 ล้านคน เป็นการคาดการณ์ไว้ในปลายไตรมาสที่ 3/2563 สร้างรายได้ประมาณ 5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามเมื่อมีการแพร่ระบาดในระยะที่ 2 ตั้งแต่ปลายปีก่อนทำให้ปรับจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเหลือประมาณ 3.2 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งการจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวจะทำให้เปิดรับนักท่องเที่ยวได้เร็วขึ้นและในจำนวนมากขึ้น”นายดนุชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สศช.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2564 จะขยายตัวประมาณ 2.5 - 3.5% หรือมีค่ากลางประมาณ 3% ทั้งนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่บนสมมติฐานในกรณีฐานที่สำคัญคือการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องไม่รุนแรงกว่าในปัจจุบันและคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศจะเริ่มผ่านพ้นจุดสูงสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และสามารควบคุมกรระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ภายในเดือนมีนาคม และความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 สามารถสร้างการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันของร่างการมนุษย์ได้ดี และการกระจายวัคซีนสามารถป็นไปอย่งต่อเนื่องและตามเป้าหมายที่คาดไว้ในกรณีฐาน ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละกลุ่มประเทศ 

โดยคาดว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะสามารถกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรไม่น้อยกว่า 50% ของประชากรทั้งหมดภายในครึ่งแรกของปี 2564 และ75% ภายในปี 2564 ขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนและตลาดเกิดใหม่ จะสามารถกระจายวัดชีนให้ประชากรไม่น้อยกว่า 50% ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2564 และ 75% ภายในครึ่งแรกของปี 2565

161364786776

สำหรับประเทศไทย ในกรณีฐานคาดว่าจะสามารถกระจายวัคซีนในปริมาณมากขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ส่งผลให้50% ของประชากรไทยจะได้รับวัคซีนภายใน 2564 และ 75 % ภายในครึ่งแรกของปี 2565 ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานกระจายวัคซีนดังกล่าวจึงคาดว่าประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติและประเทศไทยเริ่มพิจารณาเตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศและเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 แต่ยังตั้งอยู่บนเงื่อนไขของการรักษาความปลอดภัยด้านการเดินทางและการป้องกันการระบาดของโรคเป็นสำคัญ