KCE - ขาย

KCE - ขาย

Rich valuation

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของขายปี 2564 ที่ประมาณ 20% เพราะไม่ถูกกระทบจากปัญหาขาดแคลน chip

ผู้บริหารบอกว่าคำสั่งซื้อสินค้าของ KCE ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะขาดแคลน chip ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เพราะลูกค้าอาจจะเป็นกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเร่งสั่งสินค้าแทน ซึ่งทำให้ KCE มีคำสั่งซื้อเต็มกำลังใน 1H64 โดยอิงจากการผลิตที่สองโรงงานกำลังการผลิตประมาณ 3 ล้านตารางฟุต/เดือน ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 20% ใน 2H64 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตรวมสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.6 ล้านตารางฟุต/เดือน โดยสรุปแล้ว เราคาดว่าคำสั่งซื้อของ KCE น่าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละไตรมาส และเนื่องจากบริษัทมีคำสั่งซื้ออยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2564 ขึ้นอีก 10% เป็น 20% (เท่ากับ 448 ล้านดอลลาร์ฯ) และปี 2565 ขึ้นอีก 5% เป็น 10% (เท่ากับ 494 ล้านดอลลาร์ฯ)

ปัจจัยลบหลายตัวกดดันอัตรากำไรขั้นต้น

ถึงแม้ว่าผู้บริหารจะตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564 เอาไว้ที่ประมาณ 25% แต่เรามองว่าเป้าดังกล่าวค่อนข้างท้าทายเพราะ i) เงินบาทแข็งค่าขึ้น (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย YTD อยู่ที่ 30 บาท/ดอลลาร์ฯ) และ ii) ราคาทองแดงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (บริษัทไม่ได้เจรจาขอปรับราคากับลูกค้าจากการที่ราคาทองแดงวิ่งขึ้นมารอบนี้ หลังจากที่ปรับลดราคาลงไปในเดือนพฤศจิกายน 2563) ทั้งนี้ เราคิดว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเป็นปัจจัยที่กำหนด upside ของอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งเรามองว่าเพิ่มได้จำกัด (เนื่องจากโรงงานเดินเครื่องผลิตเต็มกำลังแล้ว) ในขณะที่ปี 2565 บริษัทจะได้อานิสงส์จากการเดินเครื่องกำลังการผลิตใหม่เต็มปี ดังนั้น เราจึงยังคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เอาไว้ที่ 24% และปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 ขึ้นอีก 1.0 ppts เป็น 25%

ไม่เหลือ upside แล้ว แม้ว่าจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564-65 ขึ้นอีก ~11%

ถึงแม้ว่าเราจะใช้เป้าของผู้บริหารทั้งในส่วนของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-65 ขึ้นอีกประมาณ 11% แล้วก็ตาม แต่ราคาหุ้นก็ยังไม่เหลือ upside อยู่ดีเราได้ทำการวิเคราะห์ sensitivity ระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนและอัตรากำไรขั้นต้นกับ EPS ปี 2565 และ
ราคาเป้ าหมายปี 2565 (อิงจาก PER ที่ 33X เท่ากับค่าเฉลี่ย +1.5 S.D.) ดังแสดงใน Figure 4 ราคาปิดล่าสุดที่ 59.25 สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ 28% ในขณะที่ถ้าจะแนะนำซื้อ KCE อัตรากำไรขั้นต้นต้องสูงถึงประมาณ 30.5% ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ยากในสถานการณ์ปัจจุบัน

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ขึ้นจากเดิมที่ 43.00 บาท เป็น 48.00 อิงจาก PER ที่ 33.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต +1.5 S.D.) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นค่อนข้างแพงโดยคิดเป็น PER ที่สูงถึง 49X (EPS ปี 2564) และ 40X (EPS ปี 2565) และยังมี downside อีก 19% จากราคาปิดล่าสุด ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ขาย"

Risks


ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564-65 ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)