หยวนต้า แนะซื้อหุ้น ‘เคซีอี’ คงราคาเป้าหมาย 64.50 บาท

หยวนต้า แนะซื้อหุ้น ‘เคซีอี’ คงราคาเป้าหมาย 64.50 บาท

บล.หยวนต้า แนะนำซื้อหุ้น “เคซีอี" พร้อมคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 64.50 บาท หลังเตรียมขยายโรงงานรอบใหญ่อีกครั้ง

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า(ประเ?สไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)(KCE) โดยยัง คงมุมมองเป็นบวกหลังได้ประชุมร่วมกับผู้บริหาร

หยวนต้าระบุว่า 1) รายได้ในรูป USD ที่ทำระดับสูงสุดใหม่ใน 4Q63 ที่ 112.5 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทฯมียอดขายที่สูงกว่านี้ราว 1.0 ล้านเหรียญที่ติดปัญหาด้านการขนส่งทำให้ไม่สามารถส่งมอบได้

2) ปัญหา Chip Shortage ที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตของค่ายรถยนต์อาจกระทบลูกค้าของ KCE แต่ไม่กระทบกับ KCE เนื่องจาก KCE ไม่มีปัญหาด้านการผลิต ขณะที่ KCE มี Order คำสั่งซื้อเกินศักยภาพการผลิตไปจนถึงสิ้น 2Q64 บริษัทฯต้องขยาย Lead time ออกไปเป็น 6 เดือนจากปกติที่ราว 2 เดือน

3) ผู้บริหารปรับเป้าหมายรายได้สกุลดอลลอร์สหรัฐปี 2564 ขึ้นเป็นเติบโตอย่างน้อย 20% YoY ไม่รวมผลบวกการขยายกำลังการผลิตใน 2H64 เทียบกับเป้าหมายเดิมที่เติบโต 13%-15% YoY นอกจากนี้ KCE ลดราคาขายให้ลูกค้าในปี 2564 ราว 1% YoY เทียบกับปกติที่ต้องลดราคาปีละราว 3% YoY

4) ราคา Copper foil (LME) ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นแรงกดดันสำคัญด้านต้นทุน (15% ของ COGs) อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีการกักตุน Raw material ล่วงหน้าไว้ราว 3 เดือน ขณะที่ค่าจ้างทำยังไม่ขึ้นตามมากนัก นอกจากนี้ supplier ของ KCE ยังเป็นคู่ค้าที่อยู่กันมานานพร้อมช่วยดูแล KCE ให้ยังสามารถรับมือได้

5) KCE ปรับเพิ่มเป้าหมายการลงทุนปี 2564 เป็น 1,300 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 800 ล้านบาท โดย 750 ล้านบาทเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานลาดกระบังจาก 1.7 ล้านตารางฟุตเป็น 2.1 ล้านตารางฟุต คาดแล้วเสร็จในช่วงเดือนส.ค.64 ส่วนที่เหลือเป็นการขยายกำลังการผลิตในโรงงาน KCE-Technology (อยุธยา) จาก 1.2 ล้านตารางฟุตเป็น 1.5 ล้านตารางฟุต คาดแล้วเสร็จในเดือนต.ค.64 หากการขยายกำลังการผลิตประสบความสำเร็จ บริษัทฯจะทำรายได้เกินกว่า 20% YoY ในปี 2564

6) บริษัทฯมีแผนซื้อที่ดินที่นิคมโรจนะราว 67 ไร่ (CAPEX ค่าที่ดินราว 220 ล้าน) การซื้อที่ดินคาดแล้วเสร็จใน 1Q64 ที่ดินดังกล่าวเพื่อเตรียมไว้สำหรับการขยายโรงงานใหม่ขนาด 2 ล้านตารางฟุต (ขนาดเท่าโรงงานหลักที่ลาดกระบัง) ภายใต้งบลงทุนราว 5 พันล้านบาท (Financing ด้วยการกู้) โดยโรงงานใหม่จะเน้นไปที่การผลิต HDI กว่า 50% และขึ้นกำลังการผลิตปีละราว 700K ตารางฟุต (คล้ายโรงงานลาดกระบังที่สร้างโครงสร้างทั้งหมดแล้วทยอยเพิ่มกำลังการผลิต) KCE ตั้งเป้าเริ่มดำเนินงานโรงานใหม่ภายในปี 2565 ซึ่งจะหนุนให้รายได้ปี 2565 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

7) 1Q64 บริษัทฯคาดยอดขายเติบโต 10% YoY หรือ +/- 115 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องอีกไตรมาส อย่างไรก็ดี GPM จะถูกกดดันด้วย LME ทำให้อาจทำได้เพียงทรงตัว QoQ หากทำได้ตาม Guidance เราคาดกำไรปกติ 1Q64 ของ KCE จะทำได้เติบโตอย่างน้อย 20% YoY

คงราคาเหมาะสม 64.50 บาทต่อหุ้น..มี Upside Risk อย่างมีนัยยะจากโรงงานใหม่

ในระยะสั้น เป้าหมายรายได้ปี 2564 เติบโต 20% YoY สูงกว่าประมาณการของเราที่ 18% YoY อย่างไรก็ดี GPM จะถูกกดดันกว่าคาดด้วยราคา LME ที่เป็นขาขึ้น ทำให้เรายังคงประมาณการที่ 2.2 พันล้านบาท (+97% YoY) ประมาณการจะมี Upside Risk หาก KCE เติมกำลังการผลิตได้ตามกำหนดใน 2H64

ในระยะยาว การประกาศขยายกำลังการผลิตรอบใหญ่ในปี 2565 สำหรับลูกค้ารายใหม่กลุ่ม Consumer โดยใช้สัดส่วนของหนี้จะเร่งการเติบโตของกำไรให้กับกิจการอย่างมีนัยสำคัญ และสะท้อนมุมมองบวกของบริษัทฯต่อยอดขายที่จะเติบโตได้อีกมากในระยะยาว

เราคงคำแนะนำ “ซื้ออิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี ที่ 64.50 บาทต่อหุ้น อิง PER Band 35x (+2.0SD) ราคาเหมาะสมของเราไม่รวมผลบวกจากเพิ่มกำลังการผลิตและการขยายโรงงานรอบใหม่

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) ค่าเงินบาท/USD แข็งค่าเกิน 30.00 ยาวนาน และ 2) ราคาทองแดงเพิ่มขึ้นแรงและเร็วอย่างต่อเนื่อง