หนังเล่าโลก The White Tiger ‘โลกสองใบของอินเดีย’

หนังเล่าโลก The White Tiger ‘โลกสองใบของอินเดีย’

อินเดีย ได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยใหญ่สุดของโลกและภายในประเทศเต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย ผู้คนต่างชนชั้นวรรณะ แต่ภาพยนตร์เรื่อง The White Tiger ได้จำลองความยิ่งใหญ่ทั้งมวล ออกมาเป็นอินเดียใน 2 มุมคืออินเดียด้านมืดและด้านสว่าง

อินเดีย ได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยใหญ่สุดของโลกด้วยประชากร 1,300 ล้านคน จำนวนประชากรเป็นรองก็เฉพาะจีนเท่านั้น ภายในประเทศเต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย ผู้คนต่างชนชั้นวรรณะ แต่ภาพยนตร์เรื่อง The White Tiger ได้จำลองความยิ่งใหญ่ทั้งมวล ออกมาเป็นอินเดียใน 2 มุมคืออินเดียด้านมืดและอินเดียด้านสว่าง

The White Tiger เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ รามิน บาห์รานิ ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ อาร์วินด์ อดิกา บอกเล่าเรื่องราวของ พลราม ฮาลวัย (มิตรสหายท่านหนึ่งในเฟซบุ๊คบอกว่า แค่ชื่อก็บอกได้เลยว่าต้องเกิดมาเป็นขี้ข้า) เด็กชายชนบทผู้ยากจนข้นแค้น แต่เขามีสติปัญญาปราดเปรื่องเกินเพื่อนฝูงวัยเดียวกัน จนครูยกย่องว่า พลรามคือ “พยัคฆ์ขาว” ที่หาได้ยากมาก เกิดมาชั่วชีวิตจึงจะพบได้สักตัว ครูคาดว่าชีวิตพลรามต้องรุ่งเรือง แต่เอาเข้าจริงเด็กน้อยต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานรับใช้ในร้านน้ำชาเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวภายใต้สังคมที่ระบบอาวุโสและความกตัญญูบังคับสมาชิกในสังคมอย่างเคร่งครัด

เมื่อโตขึ้นพลรามจึงรู้ว่า การงานที่ดีคือการได้เป็นคนขับรถบ้านเศรษฐี เขาพยายามใช้ไหวพริบถีบตัวเองไปเป็นคนขับรถบ้านเศรษฐีหน้าเลือดเจ้าของที่ดินทั้งหมดในหมู่บ้าน จนกระทั่งได้เป็นคนขับรถคู่ใจของ “อโศก” ลูกชายคนสุดท้องของเศรษฐี อโศกมีชีวิตงดงาม ได้เรียนต่อที่สหรัฐ สมาทานความคิดเสรี มีภรรยาสวยที่รักความเท่าเทียม เกลียดการดูถูกคนจน ทั้งพลรามและอโศก คือด้านมืดและด้านสว่างของอินเดียที่อยู่คู่เคียงกัน แต่ไม่ว่าอโศกจะเมตตาพลรามมากแค่ไหน ทั้งสองคนยังเป็นได้แค่นายกับบ่าว บ่าวมีหน้าที่รับใช้นายจนสุดชีวิต

ชีวิตของพลรามและอโศกสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมอินเดีย ออกซ์แฟม รายงานความเหลื่อมล้ำ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ว่า ในช่วงล็อกดาวน์อภิมหาเศรษฐีอินเดียรวยขึ้นถึง 35% มูเกส อัมบานี นักธุรกิจผู้มั่งคั่งอันดับ 1 ของประเทศ มีรายได้900 ล้านรูปีต่อชั่วโมงช่วงที่โควิด-19 ระบาด ขณะที่ประชากร 24% ของประเทศมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 3,000 รูปี อินเดียถือเป็นประเทศอันดับ 6 ของโลก รองจากสหรัฐ จีน เยอรมนี รัสเซีย และฝรั่งเศส ที่คนที่มั่งคั่งมากอยู่แล้วร่ำรวยมากขึ้นไปอีก

รายงานระบุด้วยว่า ความมั่งคั่งเฉพาะส่วนที่เพิ่มขึ้นของอัมบานีสามารถช่วยให้คนงานนอกระบบ 400 ล้านคนพ้นจากความยากจนได้อย่างน้อย 5 เดือน

ในเวลาไล่เลี่ยกันกับรายงานฉบับนี้ ชาวนาอินเดียรวมตัวประท้วงที่ชานกรุงเดลีเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายปฏิรูปเกษตร 3 ฉบับที่พวกเขามองว่า เปิดช่องให้บริษัทใหญ่เอาเปรียบเกษตรกรได้มากกว่าเดิม

ปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากแค้นของเกษตรกรที่พบเห็นในชีวิตจริง ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลไกการเมืองที่ไร้ประสิทธิภาพมีส่วนทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถ่างกว้างยิ่งขึ้น The White Tiger เหยียดเย้ยระบบการเมืองประชาธิปไตยของอินเดียด้วยเช่นกัน เมื่อนักการเมืองหญิงสายสังคมนิยมคนหนึ่งที่พลรามศรัทธามาแต่เล็กแต่น้อย แท้จริงแล้วเป็นคนทุจริตไร้อุดมการณ์ นิยมเรียกเงินสินบนจากเศรษฐีที่มีชะนักติดหลังอย่างครอบครัวของอโศก ในทัศนะของพลรามการจะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนจนอินเดียได้มี 2 วิธีเท่านั้น ไม่การเมืองก็ต้องอาชญากรรม และระบอบประชาธิปไตยอินเดียไม่ได้แก้ปัญหาให้คนเล็กคนน้อย

แต่จะสรุปว่า ประชาธิปไตยไม่เหมาะกับอินเดียก็ไม่ได้ เพราะประเทศปกครองด้วยระบอบนี้มาตั้งแต่ได้รับเอกราช ไม่เคยมีการรัฐประหาร การเลือกตั้งสมาชิกสภาครั้งล่าสุดในเดือน พ.ค.ปี 2562 อัตราการไปใช้สิทธิใน 542 เขตทั่วประเทศอยู่ที่ 67.11% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แสดงว่า เบื้องหลังการเมืองการปกครองจะต้องมีชุดความคิดอื่นเป็นตัวขับเคลื่อนให้สังคมเป็นแบบนี้ ที่พลรามบอกว่า คนจนอินเดียเป็นไก่ในกรงที่ไม่เคยคิดจะแหกกรงหนี ยอมรับชะตากรรมที่ผู้มีอำนาจเหนือกว่ากำหนดให้โดยไม่คิดโต้แย้ง เชื่อว่าไก่แบบนี้ยังมีอยู่อีกหลายกรงในหลายประเทศ กว่าที่ไก่สักตัวจะแหกกรงด้านมืดออกมาเป็น “พยัคฆ์ขาว” ในด้านสว่างได้อย่างพลรามช่างยากเย็นยิ่งนัก