INTUCH ชี้ GULF ถือหุ้นพยุงราคาขึ้น คาดรายได้ปีนี้เติบโต

INTUCH ชี้ GULF ถือหุ้นพยุงราคาขึ้น คาดรายได้ปีนี้เติบโต

“อินทัช” คาดรายได้ปีนี้สูงกว่าปีก่อน เหตุ ธุรกิจแอดวานซ์ อินโฟร์ ยังคงเติบโต เผย มีเงินสด 2 พันล้านบาท เดินหน้าเดินหน้าลงทุนธุรกิจใหม่ พร้อมตั้งเป้า5ปี “เอ็นเอวี” กว่า 3 แสนล้าน แจง "กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี” เข้าถือหุ้นช่วยพยุงราคาปรับตัวขึ้น หนุนดิสเคาท์เอ็นเอวี แคบลง เหลือ 17%จากต้นปี63 อยู่ที่ 30%

นางทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารการลงทุนและการลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เปิดเผยว่า แนวโน้มมรายได้ในปี 2564ขึ้นอยู่กับบริษัทย่อยในเครือ ซึ่งคาดว่าจะยังมีแนวโน้มดีขึ้นได้ จากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ตั้งเป้ารายได้จากบริการหลักและอิบิด้าปีนี้จะเติบโตเป็นเลขหลักเดียวระดับต่ำราว 1-3% จากปีก่อน ขณะที่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM คาดรายได้ปีนี้ทรงตัวจากปีก่อน

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าภายใน 5ปี มูลค่าทรัพย์สิน (NAV)เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท เนื่องจาก บริษัทเดิมที่บริษัทเข้าไปลงทุนมีการเติบโตเพิ่มขึ้น และการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่ๆโดยธุรกิจใหม่ที่บริษัทสนใจเกี่ยวกับทางด้านเทเลคอม ,มีเดีย ,ดิจิทัล เช่น เฮลธ์เทค

สำหรับปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุน เข้ามาเสริมรายได้จากปัจจุบันที่รายได้หลักมากจากการลงทุนในADVANC และ THCOM ซึ่งบริษัทยังคงมองหาโอกาสลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพต่อเนื่อง เช่น สตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ5G เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) ซึ่งปัจจุบันเจรจาอยู่กว่า 20 บริษัท โดยยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะสรุปได้ในปีนี้กี่บริษัท ซึ่งในต้นปีนี้ได้สรุปเข้าไปลงทุนแล้ว 1 บริษัท ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านการศึกษา (EdTech) เตรียมที่จะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯในเร็วๆนี้ โดยณ สิ้นปี 2563 บริษัทได้ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพภายใต้โครงการอินเว้นท์แล้วกว่า 20 บริษัท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 1,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% ขณะที่ผลตอบแทนการลงทุน(IRR)อยู่ที่ประมาณ 16%

"การลงทุนในสตาร์ทอัพ เราสามารถลงทุนตรงได้ และ ลงทุนผ่าน Venture Capital Fund ที่ลงทุนในบริษัทสตาร์อัพ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษากองทุนอิสราเอลอยู่ โดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจา"

161349617693 อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนรวมแก่ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 2%ต่อปี ซึ่งจะมาจากมูลค่าหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้น จากการหาธุรกิจใหม่เข้าลงทุน และราคาหุ้นของADVANC และTHCOMที่ปรับตัวขึ้นจากที่บริษัทเข้าไปช่วยบริหารและให้แนะนำ รวมถึงบริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดยสิ้นในปี 2563 บริษัทสร้างผลตอบแทนรวมให้กับผู้ถือหุ้นที่ 2.5% เทียบกับสิ้นปี2562 ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ติดลบประมาณ 8%

นอกจากนี้ในด้านส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์ (Discount to NAV) ของบริษัท ในสิ้นปี 2563 ก็แคบลงเหลือ 17% จากต้นปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 30% เพราะ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ GULF เข้ามาถือหุ้นของบริษัทซึ่งช่วยพยุงราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายวัชรพงศ์ ลีโทชวลิต ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผย ว่า ปีนี้คาดรายได้หลักจากการให้บริการ และอิบิด้าจะเติบโตเลขหลักเดียวระดับต่ำ ได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ใช้บริการรายเดือนที่เพิ่มขึ้น หลังจำนวนผู้ใช้บริการ5จี ช่วยหนุนรายได้ต่อเลขหมาย (ARPU) เพิ่มขึ้น 10%

ปีนี้วางงบลงทุน 2.5-3 หมื่นล้านบาท สำหรับขยายโครงข่าย 50จี ,4จี และบอร์ดแบรนด์ โดยเฉพาะ 5 จี หลังขยายโครงข่ายครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว จะขยายครอบคลุมหัวเมืองหลัก ที่ยังเติบโตมีความต้องการใช้งานอยู่มาก เน้นขยาย 25 จังหวัดหลัก ดึงผู้ใช้บริการมากขึ้น ARPU ในกลุ่มไฮเอนท์ส่วนกลุ่มล่างถึงกลาง คาดดึงมาร์เก็ตแชร์จากบริการ 4จี ให้แข็งแกร่งขึ้น และพยายามเข้าใจลูกค้ามากขึ้น เพื่อลดการแข่งขันที่รุนแรงในอนาคต โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีจำนวนผู้ใช้งาน 5จี บนเครือข่ายเอไอเอส แตะ 1 ล้านราย จากปัจจุบัน 2.39 แสนราย

นอกจากนี้ยังขยายการการเติบโตในธุรกิจอื่นๆ เช่น ทางด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ ยังมีฐานลูกค้าเติบโต 2 เท่าตัวเป็น 1.6 ล้านรายในปีนี้ จากปัจจุบัน 1.3 ล้านราย ,สร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มวีดีโอและธุรกิจประกัน มาเสริมรายได้ธุรกิจหลัก รวมถึงการสร้างช่องทางขายแบบดิจิทัลหรือโซเชียลคอมเมิร์ซเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าเข้าถึงบริการง่ายขึ้นและช่วยลดต้นทุนด้วย ทั้งนี้ธุรกิจใหม่จะอาศัยฐานลูกค้าโมบาย 4.1 ล้านเลขหมาย หนุนสร้างรายได้เติบโตก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็วในอนาคต

นายปฐมภพ สุวรรณศิริ รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการค้า บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยว่า ในปี2564 รายได้ทรงตัว หลังหมดสัมปทานดาวเทียม ไทยคม 4 และ ไทยคม 6 ในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งบริษัทต้องถ่ายโอนความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยบริษัทต้องรอการตัดสินใจจากภาครัฐบาลว่า ใครจะเข้ามาดำเนินการสัมปทานต่อ

ทั้งนี้ คาดว่า บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการ CAT และ TOT มีโอกาสเข้ามารับช่วงต่อ โดยบริษัทพร้อมเข้าเจรจาร่วมธุรกิจกับพันธมิตรผู้รับสัมทานรายใหม่ในการบริหารจัดการธุรกิจดาวเทียมดังกล่าว เพราะบริษัทมีประสบการณ์มาก่อน

ทางด้านกลยุทธ์ปีนี้เน้นทำกำไรเป็นหลัก ยังคงสนใจเข้าประมูลดาวเทียมใหม่ร่วมกับพันธมิตรเปิดรับทุกราย แต่รอความชัดเจนจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ทำขั้นตอนการประมูล(Auction)