'ม็อบ 3 นิ้ว' เร่งเกมแรง กดดันสภาแก้ 'ม.112'

จับท่าทีการเคลื่อนไหวของ "ม็อบราษฎร" ปีนี้ ดูจะฉีกไปจากการเคลื่อนไหวในปีที่ผ่านมาอยู่มากโข

เมื่อบรรดาแนวร่วม "ม็อบ 3 นิ้ว" หรือการ์ดผู้ชุมนุมบางคน อยู่ในอาการห้าวหาญชาญชัยพร้อมบู๊ พร้อมปะทะกับตำรวจทุกสนาม

การชุมนุมในช่วงหลังมานี้ จึงออกแนวปั่นป่วนวุ่นวายอย่างที่เห็น มีการขว้างปาก้อนหิน สิ่งของใช้พลุ ใช้ประทัด สร้างเสียงคล้ายระเบิดอยู่บ่อยครั้ง

ผิดไปจากก่อนหน้านี้ที่การเคลื่อนไหวค่อนข้างรัดกุม แกนนำผู้ชุมนุมพยายาม หลีกเลี่ยงการปะทะทุกกรณี ยึดถือแนวทางสันติวิธีอย่างแท้จริง แต่ช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนแกนนำก็คุมไม่อยู่

ผู้ชุมนุมที่พร้อมเผชิญหน้า ทางตำรวจก็ไม่มีท่าทีอ่อนข้อให้ จึงเกิดการบาดเจ็บกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่ในเรื่องการใช้ความรุนแรงหากใครพลาดก่อนย่อมเพลี่ยงพล้ำทันที

โดยเฉพาะการกระทำจาก "ฝ่ายรัฐ" เมื่อเกิดกรณีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนรุมกระทืบอาสาสมัครทางการแพทย์จนได้รับบาดเจ็บ

ทำเอาแนวร่วมม็อบอาศัยจังหวะพลิกเกมดิสเครดิต "ฝ่ายรัฐ" ทันที จนกลายเป็นกระแสติดเทรนทวิตเตอร์ "ตำรวจกระทืบหมอ"

ในมุมของตำรวจ "พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา" ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่าบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นอาสาสมัครทางการแพทย์ ไม่ได้มีอาชีพพยาบาล แต่เป็นคนที่อยู่ในการชุมนุมพร้อมกับยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ในกลุ่มที่ร่วมก่อความวุ่นวาย

ท่าทีของม็อบที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าต้องการเร่งเกม เร่งกระแสด้วยการตีตราตำรวจให้เป็นจำเลยสังคม ในข้อหาทำร้ายประชาชน ปลุกอารมณ์ให้คนเกรี้ยวโกรธ ฟื้นกระแสการชุมนุมอีกครั้ง หลังต้องเผชิญเสียงวิจารณ์ว่าแผ่ว

นอกจากนั้น การขยับของ "ม็อบราษฎร" อย่างเข้มข้นในช่วงนี้ ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นการโหนกระแสอภิปรายไม่ไว้วางใจ เร่งเกมกดดันสภา และรับลูกต่อจากบางพรรคการเมืองที่ยื่นญัตติแก้ไขประมวลกฎกมายอาญา มาตรา 112 คู่ขนานอยู่นอกสภา

ลำพังหากปล่อยให้เป็นเรื่องของสภาอย่างเดียว ก็อาจพูดได้ว่า นับถอยหลังญัตติดังกล่าวเตรียมถูกคว่ำไม่ช้าก็เร็ว

การเร่งเกมแรงของ "ม็อบราษฎร" ย่อมหวังผล และรู้ดีว่า จะถูกตอบโต้ด้วยปฏิบัติการเด็ดขาดตามมา ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ และการบังคับใช้กฎหมาย

หรือนี่คือยุทธวิธีที่ม็อบ 3 นิ้ว ตัดสินใจเลือกใช้ เพื่อเปิดเกมรอบระลอกใหม่ เพื่อไปสู่เป้าหมาย