ชำแหละจุดอ่อน‘10รัฐมนตรี’ เกมฝ่ายค้าน‘เขย่ารัฐบาล’

ชำแหละจุดอ่อน‘10รัฐมนตรี’  เกมฝ่ายค้าน‘เขย่ารัฐบาล’

42ชั่วโมงของ "38ขุนพลฝ่ายค้าน" ที่จะเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ "10รมว." ต้องจับตา ว่า จะแสดงเนื้อหาที่นำไปสู่ "จุดเปลี่ยน" ได้หรือไม่

      เปิดฉาก “ชำแหละจุดอ่อน ฝ่ายบริหาร ผ่านสังเวียนอภิปรายไม่ไว้วางใจ งานนี้ “6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน” นำโดย พรรคเพื่อไทย จองกฐินซักฟอกมาราธอนตั้งแต่วันที่ 16กุมภาพันธ์ และสิ้นสุดการอภิปรายเบื้องต้นไม่เกินเที่ยงคืนของวันที่19ก.พ. และโหวตกันในวันที่20ก.พ.

      “42 ชั่วโมง” ของการซักฟอกนับจากนี้ “ฝ่ายค้าน” จั่วหัวถึงข้อกล่าวหาไว้ในญัตติที่ยื่นต่อ “ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร” เมื่อวันที่ 25 มกราคม ระบุว่า ไม่อาจไว้วางใจ ให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทำหน้าที่เป็นผู้นำบริหารประเทศ

      ไม่ต่างไปจาก 9 รัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็น “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี, “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย,“อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข” ,“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์” , “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ” รมว.คมนาคม

      “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ”รมว.ศึกษาธิการ, “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน, “นิพนธ์ บุญญามณี” รมช.มหาดไทยและ “ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์

      ที่ถูกล็อกเป้าในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด ล้มเหลว ละเลย เข้าข่ายเอื้อประโยชน์พวกพ้องและนายทุน ไม่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศ ประชาชน ส่งผล ให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ และ ปัญหาสังคม กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน

161340762079

      งานนี้ฝ่ายค้าน เตรียมใช้กลยุทธ์ “โค่นเสาทีละต้น-รัวหมัดใส่ ทีละคน” ผ่านขุนพล 38 ชีวิต ที่ได้สิทธิ์ไม่จำกัดรอบการอภิปราย

      ประเดิมที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ฐานะหัวหน้ารัฐบาล ผู้คุมและกำกับทุกอย่างในวันแรก สำหรับพฤติการณ์ มีทั้ง ไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ปล่อยให้มีแรงงานเถื่อน บ่อนการพนัน ที่เป็นต้นตอการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง

      นอกจากนั้น ยังมีประเด็นทางการเมือง คือ การปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน และสื่อมวลชน, การทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยใช้สถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน รวมถึงแอบอ้างสถาบันเพื่อปิดบังความล้มเหลวของการบริหารราชการแผ่นดิน

      ไม่ต่างไปจากพี่น้อง2ป. “บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร” จากพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลใช้งบประมาณเพื่อความร่ำรวย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

      “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์” ในข้อกล่าวหา บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่คำนึงความผาสุกของประชาชน ใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์ให้พวกพ้องและตนเอง ใช้กลไกทางกฎหมายวางแผนทุจริตอย่างเป็นระบบและแยบยล ละเลยการกำกับการทำงานให้โปร่งใสทำให้พบการทุจริตอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ยังฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

161340672135

      “อนุทิน” จากประเด็น โควิด-19 ระลอกสอง และอำพรางการซื้อวัคซีนป้องกันโรค ที่ถูกมองว่า มีเรื่องทุจริตและการแสวงหาประโยชน์

      “จุรินทร์” จากประเด็น การทำงานที่ไร้ธรรมาภิบาล แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถเข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง ในหน่วยงานที่กำกับ และพบการทุจริต ปกปิดข้อมูลจนทำให้เกิดความเสียหาย

      “ศักดิ์สยาม” หนีเรื่องอื่นไม่ได้ นอกจาก สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ฝ่ายค้านมองว่า เอื้อให้กลุ่มทุนผูกขาด

      “ณัฏฐพล” ประเด็นการใช้นโยบายทางการศึกษา เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยเฉพาะ ธุรกิจสถานศึกษา “โรงเรียนนานาชาติรักบี้” จ.ชลบุรี ที่ภรรยา “ทยา ทีปสุวรรณ” เป็นเจ้าของ นอกจากนั้นคือ นโยบายการศึกษา ที่ล้มเหลว จนถูก “กลุ่มนักเรียนเลว” ตั้งป้อมว่า คือ ตัวปัญหาของระบบการศึกษาสมัยใหม่

      “สุชาติ” คือ การปล่อยให้มีผู้ลักลอบขนแรงงานต่าวด้าวผิดกฎหมายเข้าเมือง จนทำให้โควิด-19 ระบาดหนัก และ 2. กรณีที่นำเครือข่ายของตนเองในจังหวัดสวมเสื้อเหลืองและก่อเหตุ ปะทะกับกลุ่มราษฎร ในวันที่รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ช่วงเดือนพ.ย.2563

      ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ “ฝ่ายค้าน” มองว่า คือ การละเมิดนิติรัฐ และยุยงให้เกิดความแตกแยกในสังคม

      “นิพนธ์” คือ พฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณธรรม ใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้องไม่คำนึงถึงประโยชน์ชาติและประชาชน

      และ “ผู้กองธรรมนัส” คือ ประเด็นปกปิดข้อมูลความจริงซึ่งควรแจ้งหรือยื่นรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล กร่างเถื่อน และสร้างอิทธิพลให้กับบริวารและพวกพ้อง

      “แต่งตั้งคู่สมรสที่อยู่กินฉันสามีภรรยาเป็นข้าราชการการเมือง ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง”

      อย่างที่รู้กันว่า เป้าหมายของฝ่ายค้านรอบนี้ นอกเหนือจากเป็นศึกกู้ศักดิ์ศรีลบครหามวยล้มแล้ว ยังหวังไปถึงแผลใหญ่รัฐบาล ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้ง1.เปลี่ยนการบริหาร 2.เปลี่ยนรัฐมนตรี และ 3. เปลี่ยนรัฐบาลยกชุด

      ไม่ต่างจากรัฐบาล ที่ตั้งทีมองครักษ์ “ปกป้องนาย” เตรียมดาบสองลุกขึ้นประท้วงประเด็นที่อาจไปกระทบสถาบันที่อาจตามมาด้วยดาบสุดท้ายนั่นคือ “การยื่นยุบพรรค” ในท้ายที่สุด

      ปฏิเสธไม่ได้ว่า สังเวียนซักฟอกรอบนี้ สถานการณ์ทั้งของรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างมีเดิมพันสูงไม่แพ้กัน บทสรุปของเกมนี้จะจบลงอย่างไร42ชั่วโมงนับจากนี้จะได้รู้กัน.

161340725483