'อินทัช' เปิดแผนลงทุน 5ปี หนุน 'สตาร์ทอัพไทย' ให้ถึงฝัน

'อินทัช' เปิดแผนลงทุน 5ปี หนุน 'สตาร์ทอัพไทย' ให้ถึงฝัน

การลงทุนในสตาร์ทอัพไทยยังเป็นโอกาสที่ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ และสตาร์ทอัพไทยยังคงความเซ็กส์ซี่อยู่

ขยับสู่ประเทศพันธมิตร

สำหรับแผนการลงทุนผ่านกองทุนเวนเจอร์แคปปิตอลใน 5 ปีนี้บริษัทฯ จะลงทุนในกองทุนจำนวน 3 กองทุน ที่อยู่ในภูมิภาค ได้แก่ ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลี และอิสราเอล เนื่องจากมองว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีที่ดี เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยปีนี้เตรียมลงทุนในกองทุนอิสราเอลเป็นกองทุนแรก

โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญากับกองทุนดังกล่าวได้ในไตรมาส 1 นี้ซึ่งกองทุนอิสราเอลมีอายุ 10 ปี อย่างไรก็ตามการลงทุนดังกล่าวบริษัทฯ คาดหวังใน 3 ประเด็น ได้แก่ การเข้าถึง deal flow มากขึ้นเป็น 1,500-2,000 ราย จากเดิมที่มีดีลต่อปีราว 200-300 ราย มีโอกาสร่วมลงทุนในการพัฒนาธุรกิจใหม่ในประเทศไทยและต่างประเทศ, คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน เมื่อกองทุนปิดลง

ส่วนการลงทุนผ่าน Venture Builder ภายใต้โครงการ InVent Builder วางเป้าหมาย 3 ปีจากนี้ลงทุนใน 3 โปรเจกต์ โดยมีความสนใจในธุรกิจ Healthcare เนื่องจากสตาร์อัพประสบความสำเร็จน้อย ทำให้มองโอกาสเข้าไปร่วมสร้างการเติบโตให้กับสตาร์อัพเหล่านี้ ที่ผ่านมาอินทัช ได้เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพที่สนใจเข้าร่วมโครงการผ่านคัดเลือก และได้ปิดรับสมัครในช่วงปลายเดือนก.พ.นี้ ถึงต้นเดือนมี.ค.64 โดยปัจจุบันมีผู้สมัครเข้ามาแล้วจำนวน 30 ราย ซึ่งบริษัทจะคัดให้เหลือ 4 ราย

วางงบลงทุนไว้ที่250ล้านบ.

เขา กล่าวว่า บริษัทยังคงงบลงทุนในโครงการอินเว้นท์ (InVent) ไว้ระดับเดิมที่ 200-250 ล้านบาท ซึ่งจะไม่นับรวมกับการลงทุนใน Venture Capital Fund ซึ่งจะมีงบลงทุนราว 5-10 ล้านเหรียญฯ และ Venture Builder ที่จะขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ และในปีนี้ยังมีดีลในโครงการ VC อย่างต่อเนื่อง หลังล่าสุดในเดือนม.ค.64 ที่ผ่านมาได้ลงทุนในบริษัท โคนิเคิล จำกัด (Conicle) รวมถึงพิจารณาขายหุ้นที่ลงทุน (Exit) เพิ่มเติม โดยคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 29%

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา อินทัชลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งหมด 26 ราย มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 26% จากปี 62 ซึ่งมาจากการลงทุนใหม่ และการขายหุ้นที่ลงทุน (Exit) ในบริษัท วงใน มีเดีย จำกัด และ บริษัท โซเชี่ยล เนชั่น ปัจจุบันอินทัชได้ทำการ Exit แล้วทั้งหมด 7 สตาร์ทอัพ ซึ่งได้รับผลตอบแทนทั้งหมดคิดเป็น IRR เฉลี่ย 29%