วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ก.พ.64)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯลดลง
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 5 ก.พ. 64 ปรับลดลง 6.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 469 ล้านบาร์เรล โดยลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 985,000 บาร์เรล
+ ซาอุดีอาระเบียและกลุ่มโอเปคพลัส ปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 64 ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. 64
+ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสจะสามารถลงมติให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐฯ และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในญี่ปุ่น ประกอบกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากการส่งออกน้ำมันดีเซลที่ลดต่ำลงของญี่ปุ่น ประกอบกับแผนปิดบำรุงรักษาประจำปีของโรงกลั่นในภูมิภาค ทำให้อุปทานมีแนวโน้มลดลง