“พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง” ปักธงลูกค้าเบอร์ 1 อุตสาหกรรม

“พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง”  ปักธงลูกค้าเบอร์ 1 อุตสาหกรรม

บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง หรือ PROS ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารหุ้นน้องใหม่ไอพีโอกำลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)ภายในไตรมาส 3 ปี 2564

โดยบริษัทกำหนดเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท จะทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 270 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท

“พงศ์เทพ รัตนแสงสรวง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PROS เล่าสตอรี่การเติบโตให้ “หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ” ฟังว่า เป้าหมายของบริษัทที่ผ่านมาตลอดต้องการ “ปักธง”ในกลุ่มลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจเบอร์ 1 ของอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยบริษัทรับงานต่อเนื่องมานาน เช่น กลุ่มลูกค้ารายใหญ่อย่าง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ,เทสโก้ โลตัส , บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ AP ,บริษัท ไทยออยล์ หรือ TOP ,บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นต้น

สอดรับกับนโยบายของบริษัทที่รับงานลูกค้ารายเดิมเป็นหลัก เนื่องจากความเชื่อใจในการทำงานและรู้ความต้องการของลูกค้า ซึ่งลูกค้ารู้ว่าการรับงานซ้ำๆ ของผู้รับเหมารายเดิมจะสามารถช่วยลูกค้าลดต้นทุนได้ นั่นคือ โจทย์ความต้องการของลูกค้า !

“เปรียบเหมือนการขับรถหากไปเส้นทางใหม่ การเดินทางต้องใช้เวลานาน เพราะทางนั้นเรายังไม่เคยไป แต่หากเราขับรถไปเส้นทางเดิมเราจะสามารถบริหารเวลาได้ว่าต้องใช้เวลาแค่ไหน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าได้”

สำหรับบริการของบริษัทแบ่งตามลักษณะงานและระบบที่ติดตั้งเป็น 4 ประเภทหลัก 1.การให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและการสื่อสารโดยเริ่มตั้งแต่จัดซื้อและจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ให้คำปรึกษา ออกแบบ วางระบบ และติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและสื่อสาร ภายในอาคาร 2.การให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบสุขาภิบาล และระบบป้องกันอัคคีภัย การให้บริการติดตั้งงานระบบสุขาภิบาล และระบบป้องกันอัคคีภัยของบริษัท ครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ให้คำปรึกษา ออกแบบ วางระบบ และติดตั้ง

3.การให้บริการงานรับเหมาติดตั้งงานระบบปรับอากาศและระบายโดยเริ่มตั้งแต่จัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้บริการออกแบบและให้ คำปรึกษาในการวางระบบ รวมถึงการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และติดตั้งระบบปรับอากาศและ 4.การให้บริการงานโครงสร้างและสถาปัตยกรรม โดยเริ่มตั้งแต่จัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้บริการออกแบบและให้คำปรึกษาในการวางระบบ รวมถึงการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และติดตั้ง ซึ่งสามารถแจกแจงรายละเอียด ในแต่ละประเภทการให้บริการ

ตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดในครานี้... เขายอมรับว่าเพราะต้องการแก้ไขปัญหา “ข้อจำกัด”การเติบโตธุรกิจ บริษัทจำเป็นต้องมีเงินระดมทุนเพื่อไปขยายธุรกิจ สะท้อนผ่านเงินระดมทุนเสนอขาย IPOไปใช้ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจเพื่อรับงานประมูลที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น จากเดิม 10-100 ล้านบาท กลายเป็น 100-300 ล้านบาท และสามารถรับงานมูลค่าสูงสุดแตะ 500 ล้านบาท ถือว่าความเสี่ยงยังไม่มากเกินไป

สะท้อนผ่านเป้าหมายแผนธุรกิจในอนาคตบริษัทกำลังจะเพิ่มสัดส่วนรับ “งานราชการ” มากขึ้น โดยเป้าหมาย 2 ปีข้างหน้า (2564-2565) สัดส่วนงานราชการแตะ 30% จากปัจจุบันรับงานภาคเอกชนเกือบ 100% โดยที่ผ่านมาบริษัทรับงานราชการบ้างแต่เป็นการรับทางอ้อม (รับช่วงต่อจากผู้รับเหมาหลัก) แต่หลังจากมีเงินระดมทุนบริษัทจะเข้าประมูลงานราชการโดยตรง

ตามแผนงานที่วางไว้ จากการเข้าซื้อ บริษัทพรอสเพอร์ ไทธรรม์ จำกัด (PT)ในสัดส่วน 71.80% ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างในจังหวัดระยอง เนื่องจากการเข้าประมูลงานราชการสัดส่วนงานใหญ่จะเป็นงานรับเหมาก่อสร้าง ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องทำบริษัทให้ครบวงจรที่มีทั้งรับเหมาก่อสร้างและให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรม

อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ต่อเนื่องมาปี 2564 การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบธุรกิจเนื่องจากลูกค้าขยายการลงทุนน้อยลง แต่ก็ยังถือว่ามีการลงทุน ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่จำนวนงานลดลงใหญ่ๆ คือ “ห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์” โดยปัจจุบันสัดส่วนลดลงเหลือ 30% จากเดิม 50% แต่บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงด้วยการรับงานราชการที่เป็นงานโรงพยาบาลเข้ามาเติม

“ปัจจุบันบริษัทมีงานรอประมูลหลายโครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานประมาณ 1,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ภายใน 2 ปี (2564-2565) พร้อมตั้งเป้ารายได้จะเติบโตเฉลี่ย 5-10% จากการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี โต 5%”