'สมชัย' อัดผู้มีอำนาจดึงเสียง ส.ว.ยื้อแก้รัฐธรรมนูญ

'สมชัย' อัดผู้มีอำนาจดึงเสียง ส.ว.ยื้อแก้รัฐธรรมนูญ

"สมชัย" อัดผู้มีอำนาจยื้อแก้รัฐธรรมนูญ ฉะ ส.ว.ถูกสั่งได้ไร้ความอิสระ เตือนไฟที่ใกล้มอดจะลุกโชนใหม่แน่

วันที่ 10 .. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่า พฤติกรรมที่น่ารังเกียจและตอกย้ำความคับแคบเห็นแก่ตัวของฝ่ายผู้มีอำนาจ การลงมติของรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 ในประเด็นการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ให้มีการตั้ง สสร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชนโดยตรง นั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยมีเสียงเห็นชอบ 366 เสียง ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐ 113 คน จาก .. 230 คน ส่วนที่เหลือจากพรรคเล็กที่เข้าร่วมรัฐบาล สะท้อนให้เห็นความไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งๆ ที่รู้ว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ได้สร้างปัญหาให้กับการเมืองไทยมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นการให้อำนาจแต่งตั้ง .. 250 คนมาค้ำจุนบัลลังก์ผู้มีอำนาจ การออกแบบการเลือกตั้งบัตรใบเดียวและคำนวณ ..ปัดเศษแบบค้านสายตาประชาชน  การกำหนดคุณสมบัติและสรรหาองค์กรอิสระที่ได้เพียงอดีตข้าราชการประจำระดับสูงมาดำรงตำแหน่ง แต่ขาดความรอบรู้และไร้ประสิทธิภาพมาปฏิบัติหน้าที่และยังมีพฤติกรรมเอนเอียงในสายตาของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการให้มียุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศที่เหลวไหล ไร้ความคืบหน้าและกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ

นายสมชัย กล่าวต่อว่า ความพยายามในการดึงรั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาอำนาจของฝ่ายตนให้ยาวนานที่สุดนั้น  กระทำอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นับแต่ใช้เวลากว่า 8 เดือนนับแต่เดือนธันวาคม 2562 ในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ..2560 ที่มีนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน มีรายงานหนากว่า 600 หน้า ให้เห็นทุกแง่มุมที่เป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้

จากนั้น ในเดือนกันยายน 2563 ก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายต่างๆ เสนอมารวม 6 ฉบับจนนำไปสู่การลงมติรับร่างของรัฐบาลและฝ่ายค้านในช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน 2563 และตั้งกรรมาธิการอีก 45 คน จากสองฝ่ายคือ จากส..จำนวน 30 คน และจาก ..15 คน เพื่อพิจารณาการแปรญัตติในวาระสอง

ไม่ทันที่ข่าวน่ายินดีที่กรรมาธิการชุดดังกล่าวแถลงถึงการเห็นด้วยกับแนวคิดให้มี สสร.จากการเลือกตั้งทั้ง 200 คนจะซาลง การลงมติของรัฐสภาโดยใช้เสียงข้างมากจาก .. รวมกับ เสียงของ ..จากพลังประชารัฐ รวม 366 เสียง เพื่อส่งตีความว่า การตั้ง สสร.จะทำได้หรือไม่ก็เกิดขึ้น

นายสมชัย กล่าวด้วยว่า เสียงของพลังประชารัฐที่เป็นเอกภาพ สะท้อนถึงความต้องการของพรรคหลักในรัฐบาลยังเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ไม่ยาก  แต่การที่ .. 250 คนที่ควรจะเป็นอิสระทางความคิด กลับมีการลงมติอย่างพร้อมเพียง 230 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง และขาดประชุมไม่มาลงคะแนน13 เสียง ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า วุฒิสภาชุดนี้มีความเป็นอิสระหรือแนบแน่นกับผู้มีอำนาจที่แต่งตั้งเขามากับมือ ถึงขนาดสั่งการใดๆให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันได้ราวกับพลทหารที่อยู่ในแถว

พฤติกรรมไม่จริงใจต่อการประวิงเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตั้งกรรมาธิการชุดแล้วชุดเล่า และยังอาศัยเสียงของวุฒิสภาในการลากจูงการลงมติส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญหยุดชะงัก ถือเป็นพฤติกรรมน่ารังเกียจและตอกย้ำให้เห็นความคับแคบเห็นแก่ตัวของผู้มีอำนาจที่ประชาชนคงถือว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ไม่อาจให้เขาตีสองหน้าหลอกลวงไปวันๆ ต่อไป

หากหนทางแก้รัฐธรรมนูญในสภาที่ประชาชนยอมอดทนรอ ไม่ใช่หนทางที่ประชาชนเห็นว่า เป็นทางที่ประสบความสำเร็จได้ เขาก็จะหมดศรัทธาและเลิกที่จะพึ่งหนทางดังกล่าว รอดูได้เลย

ไฟที่ใกล้มอดจะลุกโชนใหม่